วันนี้ (1 ม.ค.2568) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 โดยระบุว่า อยากให้ทุกคนมองปี 2568 เป็นปีแห่งความหวัง ถึงประเทศไทยจะมีความท้าทายทั้งจากบริบทโลกและจากระบบการเมืองในประเทศก็ตาม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทิ้งความหวัง เราจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า เรื่องการเมืองท้องถิ่น อยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิ์ ใช้เสียงกันมาก ๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และระดับเทศบาล ที่จะเลือกตั้งในปีหน้า ให้มาทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ
นายณัฐพงษ์ ระบุต่อไปว่าอยากให้ประชาชนช่วยกันผลักดันวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้สามารถปลดล็อกด่านแรกได้แล้ว คือเรื่องการทำประชามติ สามารถทำเพียงแค่ 2 ครั้งได้ ประธานรัฐสภายอมบรรจุในระเบียบวาระ อยู่ที่ฝ่ายการเมืองว่าจะเอาอย่างไร มีเพียงเสียงของประชาชนเท่านั้นที่จะกดดันฝ่ายการเมืองได้
นอกจากนี้ ยังอยากให้ร่วมกันผลักดันปณิธานประชาชน 2568 ไปด้วยกัน ช่วยกันส่งเสียงสนับสนุนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศทั้ง 6 ชุด ของพรรคประชาชน และจะมีชุดกฎหมายที่มากกว่านี้ในอนาคต
เมื่อถามถึงการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านในปี 2567 นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เดินหน้าทำงานเต็มที่เหมือนเดิม สม่ำเสมอ ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล เช่น เรื่องของการเสนอกฎหมายในสภา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่การยุบพรรคก้าวไกลในเดือนสิงหาคมจนถึงสิ้นปี เรายังไม่ได้มีโอกาสหรือเวทีแสดงพลังในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น แต่ยืนยันว่าเราทำหน้าที่อย่างคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ตรงไปตรงมาเหมือนเดิม
สำหรับรายละเอียดการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในต้นปีหน้า นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรอบเวลาจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมแน่นอน เรื่องการจัดสรรโควตาอภิปรายก็จะมีการหารือต่อไป แต่รายละเอียดของเนื้อหาอภิปราย ยังไม่ได้มีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และแนวปฏิบัติที่ผ่านมาพรรคร่วมฯ ก็จะไม่ได้แบ่งปันข้อมูลกัน เพราะการทำงานก็จะต่างจากรัฐบาล แต่ละฝ่ายจะมีข้อมูลของตนเอง
ส่วนเรื่องอุดมการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้านที่แตกต่างดันนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ไม่น่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร ขณะเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลเองก็อาจแสดงออกว่าไม่ได้เกิดเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมยกกรณีล่าสุดเป็นตัวอย่างว่า เรื่องการชะลอซื้อพลังของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ให้ รมว.พลังงาน เป็นประธานแทน จะเห็นว่าจุดยืนที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงออกมาตลอด แต่ รมว.พลังงาน กลับแสดงออกอย่างชัดเจน ตามที่เคยส่งหนังสือมาก่อนหน้านี้ และสามารถสั่งชะลอรับซื้อพลังงานไฟฟ้าได้
นอกจากนี้ ยังมีประเดินการเสนอกฎหมายจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนจะผลักดัน แต่สุดท้ายก็ถูกแตะเบรกเพราะมีรอยร้าวของความเห็นไม่ตรงกันในพรรคร่วม ส่วนตัวมองว่า สิ่งเหล่านี้น่าติดตามต่อไปในปีหน้า
อ่านข่าวอื่น :