วันนี้ (3 ธ.ค.2567) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายในด้านมะเร็งครบวงจร ผลักดันการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขสู่ยุคดิจิทัล ทำให้การรักษาและเครื่องมือทางการแพทย์ได้รับการพัฒนาผ่านกระบวนการ Digital transformation อย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้ในการรักษาผู้ป่วย เพื่อลดระยะเวลาการรอคอย การนอนโรงพยาบาล เพิ่มความรวดเร็วถูกต้อง ปลอดภัย และแม่นยำ ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่
หนึ่งในโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของประชาชนไทยและทั่วโลกคือ "โรคมะเร็ง" ผู้ป่วยมะเร็งปัจจุบันประมาณ 4.5 แสนคน รายใหม่ปีละประมาณ 1.4 แสนคน เสียชีวิตปีละประมาณ 8 หมื่นคน
หากผู้ป่วยการเข้าถึงบริการและรับการรักษาอย่างเหมาะสมในเวลาอันรวดเร็ว จะเป็นหัวใจสำคัญทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสหายขาดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
วิธีการรักษาหลัก ๆ ของโรคมะเร็งประกอบด้วย การผ่าตัด รังสีรักษา และเคมีบำบัดจะเห็นได้ว่าการให้ยาเคมีบำบัดเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งกว่าร้อยละ 50 ของผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นต้องได้รับการรักษาชนิดนี้
หุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดที่จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เป็นเครื่องแรกของประเทศไทย
ปัจจุบันมีหุ่นยนต์เคมีบำบัดในสังกัด จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีเป็นหน่วยงานที่พัฒนาหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัด เป็นเครื่องแรกของประเทศไทย คิดค้นโดยคนไทยเพื่อคนไทย และเป็นต้นแบบการส่งยาเคมีบำบัดไปสู่โรงพยาบาลใกล้เคียงในเขตสุขภาพที่ 8 โดยได้ให้ยาเคมีบำบัดแก่ผู้ป่วย รวม 5,529 คน
และได้ขยายผลการใช้เพิ่มไปยังโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในเขตสุขภาพที่ 4 โดยได้ให้ยาเคมีบำบัดแก่ผู้ป่วย รวม 5,243 คน และโรงพยาบาลมะเร็งอุบลราชธานี รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในเขตสุขภาพที่ 10 โดยได้ให้ยาเคมีบำบัดแก่ผู้ป่วย รวม 6,000 คน
ผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลเลิศรัฐ 2567 ระดับดีเด่น (Best of The Best) เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข มะเร็งรักษาทุกที่ (Cancer anywhere)
หุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัดที่จดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์เป็นเครื่องแรกของประเทศไทย
โรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี กรมการแพทย์ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ผสมยาเคมีบำบัด เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย สามารถผสมยาเคมีบาบัดได้ 24 ชนิด หุ่นยนต์มีความแม่นยำในการเตรียมยา มากกว่ามนุษย์ (98.24% : 95.05%) มีความปลอดภัย
หุ่นยนต์ทำงานด้วยแขนกล ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติในสภาวะปลอดเชื้อ ลดการปนเปื้อน รั่วไหลของยาเคมีบำบัดสู่สิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานการเตรียมยา ภายใต้การกำกับดูแลของเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งผ่านการศึกษาวิจัยในด้านความปลอดภัยและแม่นยำเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยต่อบุคลากรรวมถึงผู้ป่วยมะเร็ง
โดยเริ่มต้นพัฒนาตั้งแต่ปี 2562 ทดสอบระบบแลได้รับสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ ในปี 2564 และใช้งานจริงตั้งแต่เดือน มี.ค. 2565 เป็นต้นมา สามารถลดการนำเข้าเครื่องมือราคาแพงได้ และมีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศ
อ่านข่าว : เที่ยวบินแรก! "ฝนหลวง" สลายฝุ่น PM 2.5 เหนือ-กทม.พบได้ผลดี
เร่งหาต้นเหตุเด็ก 12 ปี พลัดตกห้างดังเมืองกรุงเก่าตาย
กองทัพไทย แจ้งปิดเส้นทางจราจรเนื่องในพิธีสวนสนาม-ถวายสัตย์ 3 ธ.ค.67