เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในอีกไม่ถึง 2 เดือน อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายทางการทหารลึกเข้าไปในแผ่นดินรัสเซียได้ หลังจากผู้นำยูเครนเรียกร้องให้สหรัฐฯ อนุมัติการใช้ขีปนาวุธทางยุทธวิธี ATACMS - Army Tactical Missile System โจมตีเป้าหมายลึกเข้าไปในดินแดนในรัสเซียมานานหลายเดือนแล้ว
อ่านข่าว : จับมือครั้งสุดท้าย! ไบเดน-สี หวังความสัมพันธ์ 2 มหาอำนาจมั่นคง
การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวโดยเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามถือเป็นการยืนยันรายงานข่าวโดยสื่ออเมริกันยักษ์ใหญ่ The New York Times กับ The Washington Post ซึ่งอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ระบุว่าเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับการนำกำลังทหารของเกาหลีเหนือเข้าไปช่วยรบในสมรภูมิยูเครน
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ยูเครนมีแผนจะโจมตีระยะไกลเข้าไปในรัสเซียในอีกไม่กี่วันนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอื่น หลังจากสหรัฐฯ พิจารณาเรื่องนี้มานานหลายเดือน และยังไม่มีท่าทีจะอนุมัติ
โปแลนด์ถือเป็นชาติแรกที่ออกมาแสดงความยินดีและเห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ระบุว่า เหยื่อของการรุกรานย่อมมีสิทธิ์จะป้องกันตนเอง
ระบบขีปนาวุธ ATACMS มีพิสัยทำการประมาณ 305 กม. ผลิตโดยบริษัทล็อคฮีด มาร์ติน และยิงได้จากระบบยิงจรวดด้วยปืนใหญ่เคลื่อนที่คล่องตัวสูง หรือ ไฮมาร์ส จะเปิดทางให้กองทัพยูเครนเข้าถึงดินแดนในการควบคุมของรัสเซียได้มากขึ้น และช่วยให้ยูเครนโจมตีเป้าหมายระยะไกลได้อย่างปลอดภัย แทนที่จะต้องเคลื่อนพลไปถึงแนวหน้าเพื่อโจมตี
นอกจากนี้ยังมีความแม่นยำ ด้วยระบบ GPS และจะสามารถโจมตีฐานทัพที่รัสเซียใช้สนับสนุนกำลังพลในแนวหน้าได้ ซึ่งจะส่งผลให้ทัพหลังของรัสเซียต้องล่าถอยไกลออกไปจากพรมแดน และลำเลียงเสบียงกับยุทโธปกรณ์จำเป็นต่าง ๆ ไปยังแนวหน้าไกลมากขึ้น
รัสเซียโจมตีโครงสร้างไฟฟ้าของยูเครน
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากยูเครนต้องรับมือกับการโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซีย ซึ่งเน้นโจมตีที่โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน จนทำให้ทางการต้องเผชิญปัญหาในการจ่ายไฟฟ้าในหลายพื้นที่
โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2567 รัสเซียพยายามโจมตียูเครนด้วยจรวด 120 ลูก และโดรน 90 ลำ ซึ่งส่วนใหญ่ยูเครนสามารถสกัดได้ โดยพุ่งเป้าการโจมตีไปที่โครงสร้างทางด้านระบบไฟฟ้าเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดปัญหาในการจ่ายไฟฟ้าทั้งในกรุงเคียฟและหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งอาจทำให้ประสบกับไฟฟ้าดับได้ทุกเมื่อ ท่ามกลางฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง
ประชาชนในกรุงเคียฟของยูเครนต้องตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดพร้อมเสียงระบบเตือนภัยการโจมตีทางอากาศ หลังรัสเซียระดมโจมตีด้วยจรวดและโดรนในหลายเมืองทั่วทั้งยูเครน ทำให้ประชาชนในกรุงเคียฟต้องรีบไปหลบภัยตามสถานีรถไฟใต้ดินของเมือง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางการยูเครนต้องลงพื้นที่เก็บกู้ซากขีปนาวุธซึ่งตกในหลายพื้นที่ของเมือง รวมถึงตามบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกเศษซากของจรวดตกใส่จนเสียหายด้วย
เช่นเดียวกับทางตอนใต้ของยูเครนซึ่งถูกโจมตีอย่างหนัก ที่เมืองมิโคลายีฟ บ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ถูกโดรนของทางรัสเซียโจมตีเช่นกัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 6 คน ส่วนที่เมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญติดกับทะเลดำ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตี 2 คน
อ่านข่าวอื่น : เตือน "ไต้ฝุ่นหม่านหยี่" เข้าใกล้เกาะไหหลำ 19-20 พ.ย.นี้