ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สงครามเมียนมา แนวโน้มรุนแรงขึ้น เหตุจีนบีบให้เจรจา เพื่อผลประโยชน์

ภูมิภาค
17 พ.ย. 67
18:00
145
Logo Thai PBS
สงครามเมียนมา แนวโน้มรุนแรงขึ้น เหตุจีนบีบให้เจรจา เพื่อผลประโยชน์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นักวิชาการชี้สงครามภายในเมียนมาจะทวีรุนแรง เหตุจีนต้องการบีบให้มาใช้ช่องทางเจรจา ผ่านตัวแทนกลุ่มต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อจีน ชี้หากอเมริกาไม่เข้ามาคานอำนาจของจีน ผลกระทบตกหนักที่ประเทศไทย

ด้าน SAC เสริมทหาร ลงพื้นที่รัฐฉาน รัฐคะยา รัฐยะไข่ พร้อมปฏิบัติการเครื่องบินทิ้งระเบิด หลังผู้นำกลับจากเยือนประเทศจีน

มีรายงานว่า ช่วงวันที่ 11-12 พ.ย.2567 กองทัพเมียนมา มีคำสั่งเสริมกำลังพล พร้อมยุทธโธปกรณ์ทางทหาร ทั้งทางบกและอากาศ ไปยังพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง รัฐฉานตอนเหนือ รัฐคะยา และรัฐยะไข่

ขณะเดียวกองทัพเมียนมาได้ส่งเรือรบ เข้าไปในพื้นที่ทางทะเลในเขตรัฐยะไข่ แต่ไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจน รวมทั้งอนุมัติให้มีการปฏิบัตการทางอากาศ ทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มต่อต้าน เช่นพื้นที่ตอนเหนือจังหวัดมัณฑะเลย์ มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก

ในส่วนกลุ่มต่อต้านพื้นที่ติดชายแดนประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์นี้ พบว่ายังคงโจมตีกองทัพเมียนมาเพื่อช่วงชิงพื้นที่ต่อเนื่อง เช่น ทหารกองกำลังกะเหรี่ยงอิสระและกะเหรี่ยงคาเรนนี บุกเข้าโจมตีทหารเมียนมา บริเวณห้วยแม่ลายู ฐานแม่ลายู ของกองพันทหารราบที่ 134 และ กองพันที่ 54 ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามช่องทางบ้านดอยแสง ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน หลังพบเคลื่อนไหวของทหารเมียนมา ที่ได้มีการส่งกำลังเพิ่มเติมและใช้เครื่องบินทิ้งอาวุธและเสบียง จากพื้นที่บ้านหัวเมือง รัฐฉานเข้ามาในรัฐคาเรนนี

นอกจากการสู้รบในพื้นที่ติดแนวชายแดนไทยแล้ว ในพื้นที่ชั้นในของรัฐคาเรนนี ที่เมืองผาซอง กองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี ได้มีการโจมตีทหารเมียนมาที่ค่ายผาซอง และยึดสถานีดับเพลิงไว้ได้แล้ว ขณะที่กองทัพเมียนมาได้มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งยุทธโธปกรณ์ทางทหารให้กับฝ่ายตนต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายคาเรนนีสามารถยึดสัมภาระส่วนหนึ่งได้ เช่นกระสุนขนาด 7.62 มม.ที่ใช้กับปืนกลเบา จำนวนกว่า 1,000 พันนัด

ส่วนพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหวของ กองกำลังกะเหรี่ยงอิสระ กองพลน้อยที่ 7 และ กองพลน้อยที่ 5 ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.สบเมยและอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการสู้รบกันอย่างหนัก โดยกองกำลังกะเหรี่ยงอิสระ ได้เข้าโจมตีค่ายทหารเมียนมา ค่ายเมอนาปลอ ซึ่งอยู่ตรงข้าม อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และพื้นที่ บ้านผาปูน พื้นที่ของกองพลน้อยที่ 5 ตรงข้าม อำเภอแม่สะเรียง

ขณะเดี่ยวกันทหารกะเหรี่ยงกองพลน้อยที่ 7 และ กองพลน้อยที่ 5 ได้พยายามบุกยึดฐานทหารกองทัพเมียนมาในพื้นที่ต่อเนื่อง แต่กองทัพเมียนมาได้ใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ทหารกะเหรี่ยงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อย่างไรก็ตามการสู้รบยังไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย

ดร.ศิรดา เขมานิฏฐาไท อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่า ส่วนการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา คาดว่าก็จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบันจีนเข้ามามีบทบาทในประเทศเมียนมาเป็นอย่างมากในด้านต่างๆ เพื่อที่ต้องการยุติสงครามโดยเร็ว อาจทำให้การสู้รบอาจรุนแรงขึ้นเพื่อที่จะบีบให้มาใช้การเจรจาผ่านตัวแทนกลุ่มต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อจีนเอง

ดร.ศิรดา เขมานิฏฐาไท อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ดร.ศิรดา เขมานิฏฐาไท อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ดร.ศิรดา เขมานิฏฐาไท อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ซึ่งเชื่อว่าปัญหาระดับรากฐาน จะไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นสหรัฐอเมริกาเองก็ควรเข้ามามีบทบาทในการคานอำนาจของจีน ในพื้นที่ประเทศเมียนมา ในการช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน และเป็นคนกลางในการช่วยไกล่เกลี่ย เพราะถ้าหากอเมริกาลดบทบาทผลกระทบจะตกมาอยู่ที่ประเทศไทยที่ไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ

ส่วนบทบาทของไทยต่อสถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมานั้นมองว่าไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ ดังนั้นอาจจะใช้ไทยเป็นพื้นที่การเจรจาผ่านในพื้นที่ประเทศไทยเพื่อให้ทุกกลุ่มได้สามารถหาทางออกร่วมกัน

กรณี Donald trump ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี อาจจะส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนไทยเมียนมา ทางด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เนื่องจากนโยบายของโดนัลด์ทรัมป์ จะมุ่งนโยบาย อเมริกัน เฟิร์ส ( นโยบายมุ่งเน้นประชาชนชาวอเมริกันเป็นหลักหรือประโยชน์ที่ชาวอเมริกันจะได้เป็นหลักก่อน)

เพราะฉะนั้นจะต้องมาจับตาดูอีกครั้งว่า นโยบายการช่วยเหลือตามภูมิภาคต่างๆของโดนัลด์ทรัมป์จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน แต่โดยรวมเชื่อว่าสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาจะยังคงมีความช่วยเหลืออยู่ แต่จะมากหรือน้อยก็ต้องขึ้นกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

รายงาน:ศูนย์ข่าวภาคเหนือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง