ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ฟ้าหลังฝน “แพท พาวเวอร์แพท” ชีวิตหลุดพ้น “โลกหลังกำแพง”

อาชญากรรม
5 พ.ย. 67
13:14
73
Logo Thai PBS
ฟ้าหลังฝน “แพท พาวเวอร์แพท” ชีวิตหลุดพ้น “โลกหลังกำแพง”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

หากมีไทม์แมชชีน ย้อนกลับไปในยุคปี 90 คงไม่มีใครไม่รู้จัก “แพท”  นักร้องนำวง “พาวเวอร์แพท” กับเพลงฮิตติดหู “หลุดปากใช่ไหม” ความโด่งดังของเด็กหนุ่มในวัย 20 ปีต้น ๆ ในครั้งนั้น กลายเป็นจุดหักเหสำคัญของชีวิต และนำพาให้ถลำลึกไปอยู่ในวงโคจรของยาเสพติด

6 พ.ค. 2547 ข่าวพาดหัวหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ เมื่อ “แพท พาวเวอร์แพท” ถูกจับกุมในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ ศาลตัดสินจำคุก 50 ปี และปรับ 1 ล้านบาท โดยถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2564 หลังจากรับโทษในเรือนจำเป็นเวลาทั้งหมด 16 ปี 8 เดือน

“รายการคุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น” คุยเปิดใจอดีตนักร้องดัง “แพท พาวเวอร์แพท” ซึ่งจะถอดบทเรียนชีวิตจากเรือนจำ และนำประสบ การณ์มาถ่ายทอดสอนคนรุ่นใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย เช่นเดียวกับเขาในอดีต

“ผมมักจะบอกทุกคนตลอด การที่เราเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของคนอื่น มันสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปลองด้วยตัวเองทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องไปตามรอยเขา เพราะน้อยคนมากที่จะเจอเรื่องราวแบบผม แล้วจะกลับมาได้ หลายคนออกนอกลู่นอกทาง คือ ยากที่จะกู้กลับมา” 

หลังพ้นโทษออกมานานกว่า 3 ปี นอกจากจะได้กลับมาทำงานที่รักด้วยการเปิดค่ายเพลง แพท ยังทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองให้กับเยาวชนในโรงเรียน หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ เพื่อต้องการให้ทุกคนไม่หลงผิดเหมือนที่ตัวเองเคยเป็น ยิ่งสังคมปัจจุบันเปราะบางกว่าเมื่อยุค 17 ปีก่อน เพราะเข้าถึงแหล่งอบายมุขง่ายขึ้น ทั้ง พนันออนไลน์ บุหรี่ไฟฟ้า ยาเสพติดราคาถูกลง

..ถามว่า ในยุคที่ตัวเองเคยอยู่ กับยุคปัจจุบันแตกต่างกันเยอะ แล้วจะมาสอนเด็กรุ่นนี้ได้อย่างไร? แพท ยอมรับว่า ตั้งแต่ก้าวออกมาจากเรือนจำ มันเหมือนเป็นโลกใหม่ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหากเปรียบเทียบกับสมัยวัยรุ่น แม้ช่วงแรกอาจจะต้องปรับตัวพอสมควร แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่สัมผัสทุกวัน ประกอบกับการเรียนรู้ทำให้เห็นและเข้าใจสังคมปัจจุบันมากขึ้น และสามารถนำประสบการณ์ในอดีตมาปรับใช้สอนคนรุ่นใหม่

ตอนเข้าไปในเรือนจำ เป็นยุคอนาล็อก ความทันสมัยต่าง ๆ โซเชียล ยังไม่มี แต่หลังจากออกมายุคสมัยเปลี่ยนไปเป็นเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น

แพท ยอมรับว่า เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถ เก่ง และมีศักยภาพ ทุกอย่างเรียนรู้ได้จากโซเชียล มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ สนับสนุนความชอบด้านที่ถนัด แตกต่างจากในยุคที่ตัวเองเป็นวัยรุ่น แต่สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนเป็นดาบสองคม อยู่ที่จะใช้ไปในทางที่ถูกหรือผิด เพราะสุดท้ายแล้วต้องคิดว่า สิ่งที่โซเชียลและเทคโนโลยีให้ไม่ได้ คือ “ทักษะการใช้ชีวิต” ดังนั้น ประสบการณ์ต่าง ๆ พ่อแม่ พี่น้อง ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ก็จะเป็นส่วนเติมเต็มให้กับเยาวชนเดินไปเส้นทางที่ถูกต้อง

สุดท้ายแล้ว ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยประคับประคอง แต่จุดเริ่มต้นต้องเริ่มจากตัวเขาเองก่อน ในการที่เขาเห็นคุณค่าตัวเอง และเห็นถึงพิษภัยแล้วก็รักตัวเอง หากเริ่มต้นจากความรักตัวเอง อยากให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น อันนี้ คือ สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วในการที่จะไม่ยุ่งกับสิ่งไม่ดี

หลายคนอาจจะไปเปรียบเทียบกับครอบครัวที่สูงกว่า ทำให้รู้สึกว่าครอบครัวตัวเองมีปัญหา… แต่ แพท ให้ข้อคิดว่า คนเราต่างกัน คนรวยก็มีปัญหา มีความทุกข์ในแบบคนรวย สิ่งที่เห็นฉากหน้าที่เราคิดว่าสมบูรณ์ แต่ใครจะรับประกันและแน่ใจได้ว่า เขามีความสุขจริง ๆ ส่วนใหญ่ ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีความทุกข์ มีปัญหา และมีปมด้อยของตัวเอง ซึ่งเขาจะไม่โชว์คนอื่นให้เห็น ทำให้เราเกิดความอิจฉา

หากเราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ จะทำให้ใช้ชีวิตสบายมากขึ้น เพราะแต่ละคนมีจุดเด่น มีความสามารถ มีความชอบแตกต่างกันไป ขณะที่เรื่องของโอกาสบางทีเราก็ต้องวิ่งเข้าไปหาเอง จะรอก็ไม่ได้เหมือนกัน คิดแค่ว่าถ้าทำทุกวันให้ดี อนาคตก็ดี

ความสำเร็จ Vs เส้นทางที่ก้าวพลาด

“ตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บตัว พูดน้อย ไม่ค่อยคุยกับใคร เรารู้สึกว่าเรามีโลกส่วนตัวสูง คุยกับใครไม่ค่อยเข้าใจ เป็นเด็กที่รักดนตรี เสพดนตรีประเทศทางตะวันตก ทำให้ไปยึดวัฒนธรรมของนักร้องร็อคสตาร์ในยุคนั้น ที่มีความเท่ อบายมุข ผู้หญิง การใช้ชีวิตที่โลดโผน มันต้องครบถึงจะเป็นร็อคสตาร์”

เมื่อเติบโตขึ้น “แพท” จึงเข้าใจจุดเริ่มต้นของตัวเองที่ไปยึดถือไอดอลแบบผิด ๆ ประกอบกับการอยากรู้อยากลองตามภาษาวัยรุ่น บวกกับความมั่นใจในตัวเองที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยการเริ่มเล่นดนตรีก็มีค่ายเพลงมาติดต่อจนออกอัลบั้มในนาม “พาวเวอร์แพท” จนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุประมาณ 19 ปี จึงหลงระเริงว่าเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง

บนเส้นทางที่คิดว่าเป็นความสำเร็จที่สุดในชีวิต กลายเป็นจุดพลิกผันทำให้หลงระเริงจนกู่ไม่กลับ ถึงขนาดหันหลังให้ครอบครัว เพื่อออกมาใช้ชีวิตของตัวเอง การโปรโมท ศิลปินในยุคก่อนทางค่ายเพลงจะพยายายามเก็บตัวศิลปินและให้เจอตัวยากเพื่อให้ดูมีค่า ทำให้แฟนคลับจะอยากเข้าดูเวลาที่จัดอีเว้นท์ หรือคอนเสิร์ต

“ผมไม่สามารถไปดูหนัง ไปเดินห้างได้เหมือนคนทั่วไป ก็เริ่มเก็บกด เหงา และ เริ่มหาทางออกด้วยการใช้ยาเสพติดหนักขึ้น วิถีชีวิตก็เปลี่ยนไป จากทำงานกลางวัน ก็เริ่มใช้ชีวิตกลางคืน นอนกลางวัน เริ่มมีกลุ่มก๊วนที่เสพยามากขึ้น เริ่มเที่ยวกลางคืนทุกคืน ชีวิตมันเริ่มดิ่ง งานเริ่มหาย เงินไม่มี”

“กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็เริ่มผิดไปเรื่อย ๆ” แพท ย้ำว่า ความที่มองชีวิตยังไม่รอบด้าน ขาดประสบการณ์ชีวิต ก็เลยใช้ชีวิตผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ทำให้มีความคิดติดลบ ว่า ไม่มีใครเข้าใจตัวเอง อยู่แต่ในโลกที่ปรุงแต่งขึ้นมา

…ถามว่า ทำไมไม่คุยกับพ่อแม่ ? แพท บอกว่า ในตอนวัยรุ่นเป็นไม่เคยเข้าใจคำว่าครอบครัว ความอบอุ่นของครอบครัวเป็นอย่างไร ความห่วงใยของครอบครัว คือ อะไร แต่เริ่มรู้จักตอนที่ถูกคุมขังในเรือนจำ เพราะเพื่อนที่เคยกินเที่ยวด้วยกัน ไม่มีสักคนเลย เหลือแค่ครอบครัวที่คอยเป็นห่วง มาเยี่ยมดูแล และเสียเงินเสียทอง เสียใจที่ทำให้ครอบครัวต้องอับอาย และผิดหวังจากการกระทำของตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยสร้างอะไรให้ภูมิใจ

งานหาย-เงินหมด-สิ้นอิสรภาพ

ในวันที่งานเริ่มหาย เงินหมด แพท ไปอาศัยอยู่กับก๊วนเพื่อนที่เสพยาสังเกตเห็นเขามีเงินซื้อยามาเสพตลอด ก็อาศัยเสพฯกับเขา กระทั่งวันหนึ่งเพื่อนได้นำยาเสพติดมาฝากไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ และจะมารับกลับไป ระหว่างนั้นเพื่อนก็ให้เสพยาได้ไม่จำกัด เมื่อถึงวันนัดเพื่อนโทรบอกให้เอายาเสพติด ลงไปให้ที่ใต้ถุนคอนโด จังหวะที่กำลังส่งยาเสพติดให้เพื่อน ก็ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบกว่า 10 นาย เข้าจับกุมพร้อมกับเพื่อน และอีกคนหนึ่ง ต่อมาในภายหลังทราบว่า เขาเป็นสายลับที่ตำรวจพามาล่อซื้อเพื่อนเรา

ไม่เคยรู้เลยว่า เพื่อนค้ายาเสพติด ...จากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่า กฎหมายบอกไว้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนร่วมมาก หรือส่วนร่วมน้อย หรือกระบวนการไหน ร่วมกันรับโทษเท่ากัน

ศาลตัดสินความผิดจาก 2 ข้อกล่าวหา 2 กระทง เนื่องจากช่วงถูกจับกุมตำรวจพบยาเสพติด 2,000 เม็ด ขยายผลมาพบในห้องอีก 1,000 เม็ด จึงถือต่างกรรมต่างวาระ มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ปรับ 2 ล้านบาท แต่เนื่องจากให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุม ศาลจึงเมตตาลดโทษ เหลือจำคุก 50 ปี ปรับ 1 ล้านบาท

“ไม่เคยคิดว่าโทษจะรุนแรงขนาดนี้ ตอนหลังเริ่มรู้เรื่องกฎหมาย เริ่มศึกษาตอนอยู่ข้างในว่าโทษยาเสพติดแรงจริง เวลาที่ไปเป็นวิทยากร และไปบอกน้อง ๆ จะเตือนตลอดเลยว่า อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก”

ชีวิตในโลกหลังกำแพง 16 ปี 8 เดือน

การเป็นศิลปินดารา ทำให้ถูกจับตามองจะได้อภิสิทธิ์กว่านักโทษคนอื่นหรือไม่ ? แพท ยืนยันว่า การใช้ชีวิตเหมือนกับนักโทษคนอื่น ต้องปรับตัวทุกอย่างเพื่อให้อยู่ร่วมกับคนหมู่มาก

“ยิ่งถูกเพ่งเล็งเราต้องยิ่งปรับตัว เขาทำอะไรกันได้ เราต้องทำแบบนั้นให้ได้ สมัยก่อนอาบน้ำ เข้าห้องน้ำทุกคนแก้ผ้าหมด เราก็ต้องแก้ ต้องยอมรับ ตอนนั้นผมใช้ขันไม่เป็น เพราะอยู่บ้านก็มีชักโครก มีสายฉีด ใครอาจจะเห็นเป็นเรื่องเล็ก แต่มันยากลำบากสำหรับเราในการปรับตัว”

ถามว่า ตอนนั้นมีความรู้สึกอยากยาเสพติดหรือไม่ ? ...ตอบได้เลยว่า “ไม่” เพราะมีเรื่องอะไรให้ต้องคิดเยอะ และมีเวลาทบทวนตัวเอง จนเปลี่ยนความคิด และวิถีชีวิตที่เคยผิดพลาด ด้วยการพัฒนาตัวเองจากที่เรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ ก็เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็นโครงการการศึกษาทางไกลของเรือนจำที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

“ผู้ต้องขังหลายคนมีความรู้ความสามารถ หลายคนมีความฉลาด มีทักษะบางอย่างที่คนข้างนอกอาจจะหาได้ยาก เพียงแต่ว่าเขาอาจจะหลงผิด เลือกทางเดินที่ผิดพลาดไป ทุกวันนี้ที่ผมมีโอกาสไปเป็นวิทยากร มีส่วนร่วมในการช่วยคืนคนดีสู่สังคม ผมเชื่อว่าบุคลากรเหล่านี้สามารถกลับมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ”

“ฟ้าหลังฝน” โอกาส-เริ่มต้นใหม่

การได้กลับมาทำงานที่รักด้วยการเปิดค่ายเพลง เป็นสิ่งที่แพทรู้สึกขอบคุณที่ได้รับโอกาสจากสังคม จึงอยากทำงานให้เต็มที่ และอยากใช้เวลาเพื่อดูแลครอบครัวให้มากขึ้น เนื่องด้วยต้องเสียโอกาสไปนานกว่า 17 ปี ขณะที่พ่อแม่ก็แก่ตัวลงทุกวัน จึงอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาให้มากที่สุด ที่สำคัญ คือ การใช้ประสบการณ์ เรื่องราวของตัวเองในการเป็นวิทยาทานให้กับคนอื่น ตอบแทนที่ได้รับโอกาสจากสังคม

นอกจากนี้แพทยังได้เขียนหนังสือชื่อว่า “ไม่ใช่ที่ของเรา” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตตลอดระยะเวลา 16 ปี 8 เดือน ในเรือนจำ ที่กลั่นกรองจากประสบการณ์จริงของ ผ่านความเจ็บปวด บทพิสูจน์มากมาย

ถ้าถามว่า อยากบอกอะไรกับเยาวชนรุ่นใหม่? แพท กล่าวว่า อยากให้รักตัวเอง และอย่าคิดว่า สิ่งที่ทำจะไม่ได้ส่งผลกระทบกับใคร เพราะสุดท้าย คนที่เดือดร้อนจากการกระทำของตัวเรา คือ ครอบครัว คนที่เรารัก และอย่าด้อยค่าตัวเอง ทุกคนมีศักยภาพที่โดดเด่นในเส้นทางของตัวเองได้ ดังนั้นอย่าเอาเวลาไปทิ้งกับสิ่งมอมเมา อย่าเอาพลังวัยรุ่นที่มีล้นเหลือไปสร้างความรำคาญ หรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

“ปลายทางมันไม่คุ้ม ดูโทษอย่างที่ผมได้รับ ผมก็ไม่ได้รายได้จากตรงนี้เลยนะ แต่ผมต้องมารับโทษ มันไม่คุ้มกันเลย อยากจะบอกว่า เวลาเข้าไปในเรือนจำคดียาเสพติด กว่าจะได้ลดโทษมันยาก มันมีขั้นตอนเยอะแยะมากมาย”

พบกับรายการ: คุยนอกกรอบ กับ สุทธิชัย หยุ่น ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30-22.00 น.ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง