เมื่อมีเกิด มีแก่ มีเจ็บ ก็ต้องมี "ตาย" ไม่มีใครหนีพ้น และเมื่อ "ความตาย" เกิดขึ้นถือเป็นการสิ้นสุดของชีวิต อวัยวะสำคัญทั้ง หัวใจ และ สมอง หยุดทำงานอย่างถาวร ทิ้งไว้เพียง "ร่างกาย" ให้คนข้างหลังได้จัดการ
เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว ญาติ หลายคนอาจทำตัวไม่ถูก แล้วจะจัดการอย่างไร รวมถึงต้องเตรียมเอกสารหลักฐาน อะไรบ้าง ชวนมาทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะเมื่อวันที่ต้องจากลากันจะได้จัดการ และดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมายได้
อ่านข่าว : "พินัยกรรม" สำคัญอย่างไร เลือกทำแบบไหนดี
"การแจ้งตาย" เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องทำเมื่อมีผู้เสียชีวิต เพื่อบันทึกข้อมูลและออกใบมรณบัตร สำหรับการใช้ในเรื่องสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น ทรัพย์สิน การประกันชีวิต หรือประวัติทางทะเบียนราษฎร์ การแจ้งตายทำได้ทั้งในกรณีเสียชีวิตที่บ้าน โรงพยาบาล หรือนอกสถานที่ มีรายละเอียด ดังนี้
กรณีตายในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล
สำหรับกรณีนี้ หลังจากที่ผู้ป่วยตาย แพทย์จะออกหนังสือรับรองการตาย (ใบ ท.ร.4/1) ให้แก่ญาติ โดยญาติจะนำไปรวมกับเอกสารอื่น ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งตาย
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อคนตาย (ถ้ามี)
เพื่อนำไปยื่นให้กับนายทะเบียน ณ ที่ทำการปกครองอำเภอหรือท้องถิ่น ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากตาย เพื่อออกใบมรณบัตร
หนังสือรับรองการตาย (ท.ร. 4/1) คืออะไร
หนังสือรับรองการตาย (ท.ร. 4/1) เป็นเอกสารตามกฎหมายทะเบียนราษฎร ที่กำหนดให้เมื่อมีคนตายในสถานพยาบาล ให้ผู้รักษาพยาบาลต้องออกหนังสือรับรองการตาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาออกเอกสารมรณบัตร (ข้อมูลกรมการปกครอง)
เจตนารมณ์ตามกฎหมายได้กำหนดให้สถานพยาบาลที่มีการตายเกิดขึ้น ออกเอกสารรับรองการตายโดยแพทย์ที่ทำการรักษา พร้อมทั้งลงรายการสาเหตุการตาย เนื่องจากแพทย์ที่ทำการรักษาจะทราบข้อมูลประวัติของผู้ตาย ลักษณะอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บก่อนตาย
และเมื่อมีการตายเกิดขึ้นย่อมสามารถวินิจฉัยถึงเหตุแห่งการตายได้อย่างน่าเชื่อถือตามหลักการทางการแพทย์ และสามารถใช้เป็นหลักฐานในการออกเอกสารมรณบัตรได้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
ดังนั้น หนังสือรับรองการตาย (ท.ร. 4/1) จึงกำหนดให้ผู้รักษาพยาบาลเป็นผู้ออกหนังสือดังกล่าวเฉพาะการตายที่เกิดในสถานพยาบาลเท่านั้น ไม่สามารถออกให้ในกรณีการตายที่เกิดขึ้นนอกสถานพยาบาลได้
กรณีตายนอกสถานพยาบาล แบ่งย่อยเป็น 2 กรณี
1.กรณีตายในบ้าน : ให้เจ้าบ้านหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนตาย ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย หรือพบศพ
ผู้แจ้งคือใคร ต้องแสดงหลักฐานอะไร
กรณีคนตายภายในบ้านและโรงพยาบาล "ผู้แจ้ง" คือ เจ้าบ้าน หรือผู้พบศพ หรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน
หลักฐานที่จะต้องแสดง ได้แก่
- บัตรประจําตัวประชาชนของผู้แจ้ง และของผู้ตาย (ถ้ามี)
- สําเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่ผู้ตายมีชื่ออยู่
- หนังสือรับรองการตายที่โรงพยาบาลออกให้
2.กรณีตายนอกบ้าน : ให้คนที่ไปกับผู้ตายหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีการตายหรือพบศพ หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาตาย หรือเวลาพบศพ
ผู้แจ้งคือใคร ต้องแสดงหลักฐานอะไร
ผู้แจ้ง คือ ผู้ที่ไปกับผู้ตายหรือผู้พบศพ โดยแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีการตายหรือพบศพแล้วแต่กรณี หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้หรือจะแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจก็ได้
หลักฐานที่จะต้องแสดง ได้แก่
- บัตรประจําตัวประชาชนของผู้ที่ไปกับผู้ตาย หรือของผู้พบผู้ตายซึ่งเป็นผู้แจ้ง และบัตรประจําตัวประชาชนของผู้ตาย (ถ้ามี)
- สําเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของผู้ตาย (ถ้ามี)
สถานที่แจ้งการตาย คือที่ไหน
- คนตายในเขตเทศบาล ให้แจ้งที่สํานักทะเบียนท้องถิ่น ซึ่งตั้งอยู่ที่สํานักงานเทศบาล
- คนตายนอกเขตเทศบาลให้แจ้งที่สํานักทะเบียนตําบล (บ้านกํานัน) หรือที่ว่าการอําเภอ หรือที่สํานักทะเบียนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง เช่น เขตกรมทหาร เป็นต้น
ขั้นตอนการติดต่อ
1. ผู้แจ้งยื่นเอกสารและหลักฐานต่อนายทะเบียน เพื่อตรวจสอบและลงรายการในมรณบัตร
2. จำหน่ายชื่อผู้ตายออกจากทะเบียนบ้าน โดยจะประทับคำว่า "ตาย" สีแดง ไว้หน้ารายการคนตาย
3. มอบมรณบัตร ตอนที่ 1 สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนคืนผู้แจ้ง
กรณีการแจ้งตายต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่อื่น
ผู้มีหน้าที่แจ้งตายยังมิได้แจ้งการตายแต่มีการย้ายศพไปอยู่ต่างท้องที่สํานักทะเบียน หรือสํานักทะเบียนท้องถิ่นที่มีการตาย หรือพบศพเจ้าบ้านของบ้านที่มีการตาย บุคคลที่ไปกับผู้ตายขณะตาย ผู้พบศพหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากบุคคลดังกล่าว แล้วแต่กรณีจะแจ้งการตายต่อ นายทะเบียนผู้รับแจ้ง ณ สํานักทะเบียนอําเภอหรือสํานักทะเบียนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่ศพอยู่ หรือท้องที่ที่มีการจัดการศพโดยการเผา ฝัง หรือทําลายก็ได้
โดยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือรับรองการตายของผู้ตายซึ่งออกให้โดยโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่บุคคลนั้นตายและพยานบุคคลไม่น้อยกว่า 2 คนซึ่งสามารถยืนยันตัวบุคคล ของผู้ตายได้
ในกรณีที่ไม่มีหนังสือรับรองการตาย ผู้แจ้งการตายอาจใช้ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจสารพันธุกรรมที่ตรวจพิสูจน์จากหน่วยงานของรัฐหรือสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งแทนได้ แต่มีข้อควรระวังอยู่ว่า หากไม่แจ้งภายในเวลาที่กำหนดต้องเสียค่าปรับตามกฎหมาย
การออกใบมรณบัตร และการตายที่ต้องรอการออกใบมรณบัตร
เมื่อมีการแจ้งตายแล้ว นายทะเบียนผู้รับแจ้งจะออกใบมรณบัตรเป็นหลักฐานให้แก่ผู้แจ้ง เว้นแต่ หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าคนตายนั้นตายด้วยโรคติดต่ออันตรายหรือ ตายโดยผิดธรรมชาติ ได้แก่ ฆ่าตัวตาย ถูกผู้อื่นทําให้ตาย, ถูกสัตว์ทําร้ายตาย, ตายโดยอุบัติเหตุ และตายโดยยังมิปรากฏเหตุ
นายทะเบียนผู้รับแจ้งจะรีบแจ้งต่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่ออันตรายหรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจ โดยนายทะเบียนผู้รับแจ้งจะรอการออกใบมรณบัตรไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานดังกล่าว
รู้หรือไม่ การกระทำต่อศพแบบไหน ที่มีความผิดตามกฎหมาย
- ปิดบังการตาย โดยการลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย ทำลาย เพื่อปิดบังการเกิด การตาย เหตุที่ทำให้ตาย
โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- อนาจารศพ โดยกระทำอนาจารแก่ศพ คือ ทำไม่สมควรทางเพศ เช่น กอด จูบ ลูบ คลำ หรือแตะเนื้อต้องตัวร่างกาย
โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- กระทำชำเราศพ โดยการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตน โดยการใช้อวัยวะเพศของตนล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก ช่องปากของศพ
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ทำให้ศพเสียหาย ซึ่งกระทำโดยไม่มีเหตุสมควร เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิ เถ้าของศพ เช่น ตัดอวัยวะหรือส่วนของศพไปขาย จับศพแขวนคอ ทุบตีศพ
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- ดูหมิ่นศพ โดยการกระทำด้วยวาจา กริยา ท่าทางที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ คือ ด่า เหยียดหยาม ทำให้อับอาย ทำให้เสียหาย ลดคุณค่าทางสังคม เช่น เจตนาวางศพในลักษณะดูหมิ่น
โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ แม้แต่การโพสต์รูปศพในสภาพที่ไม่เหมาะสมในโซเชียลมีเดีย ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้เช่นกัน ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี
อ้างอิงข้อมูล : สำนักงานกิจการยุติธรรม, กรมการปกครอง
อ่านข่าว : “ทองคำ” เช้านี้ บวก 400 “ทองคำแท่ง” ขายออกบาทละ 44,350