ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อบอุ่น! ส่งเด็กหญิง 14 ปีรถบัสไฟไหม้กลับบ้านแล้ว

สังคม
25 ต.ค. 67
17:13
222
Logo Thai PBS
อบอุ่น! ส่งเด็กหญิง 14 ปีรถบัสไฟไหม้กลับบ้านแล้ว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กลับบ้านได้แล้ว เด็กหญิง 14 ปีเหตุรถบัสไฟไหม้ หลังเข้ารักษาตัว 25 วัน "สมศักดิ์" พร้อมแพทย์ร่วมส่งกลับอบอุ่น ชี้บาดแผลไฟไหม้แห้งไม่ติดเชื้อ ไม่พบปัญหาข้อยึด จิตใจดี แต่ยังจัดทีมแพทย์เข้าติดตามต่อเนื่อง

วันนี้ (25 ต.ค.2567) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ เด็กหญิงอายุ 14 ปีจากเหตุรถบัสไฟไหม้ ซึ่งเข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จะได้กลับบ้านแล้ว โดยกำชับให้แพทย์ในพื้นที่คอยติดตามอาการ และดูเรื่องแผลที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง

ส่วนสภาพจิตใจของน้องดีมาก อาการอื่น ๆ ดีขึ้นมาก เป็นที่พึงพอใจของทีมแพทย์ พร้อมมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยดูแลสภาพจิตใจ ทั้งผู้ป่วยและญาติ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดูแลรักษาต่อเนื่องต่อไปอีก เป็นระยะๆ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้  

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี คอยเฝ้าติดตาม และนัดตรวจรักษาอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ทางศัลยแพทย์ได้ช่วยกันสรุปและประเมินอาการของเด็ก ดังนี้ จากการตรวจรักษาของวันนี้ พบว่าอาการทั่วไปแข็งแรงดี

บาดแผลไฟไหม้ส่วนใหญ่แห้งดี ไม่มีการติดเชื้อ ไม่พบปัญหาข้อติดยึด ด้านจิตใจผู้ป่วยมีอารมณ์คงที่ มีการจัดการอารมณ์ที่ดี พร้อมกลับบ้านในวันนี้ ทางทีมแพทย์ผู้ให้การรักษามีแผนการนัดติดตามดูแลอาการ และส่งต่อทีมเยี่ยมบ้านในพื้นที่ต่อไป

อ่านข่าว กสม.จี้ สปส.ปม “บุตรตามความจริง” ร้องขอรับเงินชราภาพ

กสม.ชง 3 มาตรการล้อมคอกรถทัศนศึกษา 

ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า กสม.มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่องข้อเสนอแนะมาตรการความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองเด็กตามหลักสิทธิมนุษยชนจากโศกนาฏกรรมรถทัศนศึกษา แจ้งไปยังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอ ครม.มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกายและสิทธิเด็กให้ได้รับความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงยุติการบาดเจ็บและเสียชีวิตให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว รวม 3 ประเด็นดังนี้ 

(1) ให้ครม.กำหนดให้ความปลอดภัยทางถนนเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อยุติการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน มอบหมายให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบภาพรวมเป็นการเฉพาะ เพื่อกำกับติดตาม รายงานสถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุทางถนน และประเมินผลเพื่อรายงานให้ ครม.ทราบความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เพื่อยกเลิกการใช้รถโดยสารสองชั้นและรถที่ติดตั้งถังก๊าซธรรมชาติอัด (CNG) เป็นเชื้อเพลิงมาใช้เป็นรถทัศนศึกษาและรถโดยสารสาธารณะ

(2) ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน ให้ ครม. มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเพิ่มความเข้มงวดผู้ที่ขออนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร การต่ออายุใบอนุญาต และการขออนุญาตแก้ไขดัดแปลงสาระสำคัญของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก

รวมถึงการตรวจสอบ กำกับสถานประกอบการเอกชนและผู้ประกอบวิชาชีพ ที่ทำหน้าที่ออกหรือต่อใบอนุญาตให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายกับรถโดยสารสาธารณะที่ถูกดัดแปลงหรือไม่ได้รับการต่อใบอนุญาต

และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด อาทิ การตรวจสอบสภาพรถทัศนศึกษาหรือยานพาหนะให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย ก่อนการเดินทางโดยผู้ประกอบวิชาชีพ

อุบัติเหตุบนถนนวิภาวดีรังสิต

อุบัติเหตุบนถนนวิภาวดีรังสิต

อุบัติเหตุบนถนนวิภาวดีรังสิต

รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกพนักงานขับรถทัศนศึกษาที่มีประสบการณ์ ผ่านการอบรมทักษะในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ และจัดให้มีพนักงานประจำรถที่สาธิตและแนะนำวิธีการรับมือหากเกิดอุบัติเหตุ โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในสัญญาที่จัดหารถทัศนศึกษาพร้อมประกันการเดินทางด้วยทุกครั้ง

นอกจากนี้ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทยกำชับให้สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการควบคุมดูแลการใช้รถโรงเรียน พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ ตร. เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรารถที่นำมาใช้รับส่งนักเรียนเพื่อให้เดินทางไปกลับโรงเรียนอย่างปลอดภัย

และ (3) ให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งรัดปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดทัศนศึกษาให้สอดคล้องกับช่วงวัยของเด็กและเยาวชนที่จะต้องได้รับการพัฒนาและความปลอดภัยของเด็ก

รวมทั้งจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นรายวิชาภาคบังคับที่มีเนื้อหาการเผชิญเหตุฉุกเฉินหรือการเตรียมความพร้อมหากเกิดอุบัติเหตุให้แก่เด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โดยกำหนดชั่วโมงเรียนเพื่อฝึกปฏิบัติและเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุในทุกปีด้วย

อ่านข่าวอื่นๆ

เช็ก 14 จุดรับเสด็จงานพระราชพิธี 27 ต.ค. บช.น.แจงไม่ปิดจราจร

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง