ดินเนอร์ ร่วมสำรับ มื้อค่ำวันนี้ (21 ต.ค) ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ แพทองธาร ชินวัตร เข้าร่วมครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี ถูกจับตามองเป็นกรณีพิเศษว่า อาจเป็นวงถกพิเศษทางการเมือง ที่ต้องเคลียร์ใจในหลายประเด็นร้อน ไม่ว่าจะเป็น แนวทางร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม หรือปมเห็นต่างแก้รัฐธรรมนูญ ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ที่หากไม่ตั้งวงคุย รัฐนาวาลำนี้ อาจแล่นต่อไปได้ยาก
ด้วยเหตุช่วงที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย เจอคลื่นสึนามิขย่มจนอ่วม ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ “แสวง บุญมี” เลขาฯ กกต.สั่งสอบคำร้อง ยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม เหตุ “ทักษิณ ชินวัตร “ ชี้นำ ครอบงำ หลังเห็นว่าคำร้องมีมูล และสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากพบความผิด เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญต่อไป โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน 30 วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ
ไม่รวมเผือกร้อน 6 ประเด็นคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ นำร่องไปก่อนหน้านี้ แต่ยังมีปมเห็นต่างระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย ซึ่งมีการกลับลำจากเดิมที่ “ภูมิใจไทย” ค้านไม่เอากาสิโน แต่กลับเห็นด้วยกับโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ซึ่งยังดูอิหลักอิเหลื่อในสาระสำคัญ โดยเฉพาะผลประโยชน์กับกลุ่มผู้ประกอบการและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น , คดีตากใบที่จะสิ้นสุดอายุความในอีก 3-4 วันข้างหน้า ซึ่งชาวบ้านยังสลัดภาพจำไม่ได้ แม้ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี จะส่งใบลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อแล้วก็ตาม แต่ผู้ต้องหาที่เหลือ ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะตามจับได้
ไม่ปฏิเสธ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า เย็นนี้เป็นการหารือเรื่องการทำงานร่วมกันในอนาคต แต่ไม่เกี่ยวเคลียร์ใจ ภูมิใจไทยปมเห็นต่างแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนคดีตากใบ และยืนยันว่า ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ละเลยยังติดตามอย่างใกล้ชิด ว่ามีอะไรที่จะสามารถดูแลช่วยเหลือเยียวยาความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ได้ และหากจะให้รัฐบาลจะให้ขอโทษอย่างจริงใจก็พร้อม แต่ด้วยเป็นคนละรัฐบาลกัน แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้มีมาตรการไปแล้ว
ไม่อุ้มเผือกร้อน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำชัด ที่ประชุม ส.ส.ประชาธิปัตย์ มีมติชัดเจนไปแล้วไม่เห็นชอบ ตัวรายงานนิรโทษกรรม และไม่เห็นชอบให้ส่งรัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการ เหตุไม่ต้องการให้การรายงานฉบับนี้ กลายเป็นสารตั้งต้นที่รัฐบาลหรือฝ่ายใดก็ตามจะนำไปอ้างอิงในการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การกระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ใน
“การลงมติในการพิจารณาครั้งต่อไป ก็ยังคงยืนมติเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงตามที่ได้อภิปรายแทนพรรคไว้ ...สส.ทุกคนเข้าใจ อ่านรายงานเป็น ไม่มีใครแกล้งตีมึน การอ้าง หากส่งรัฐบาลแล้วรัฐบาลอาจจะทำหรือไม่ทำก็ได้ อันนี้ถูกต้อง แต่ปัญหา คือ ถ้ารัฐบาลหรือฝ่ายใดก็ตาม ไม่ทำ ก็ดีไป แต่ถ้าเกิดทำก็อาจอ้างว่าสภาส่งมาให้ทำ และในข้อสังเกตยังระบุ ด้วยว่า ควรเร่งทำโดยเร็ว ตรงนี้คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ต้องการตัดไฟแต่ต้นลม โดยไม่เห็นชอบกับรายงานของ กมธ.เสียตั้งแต่เบื้องต้น เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่เอาเผือกร้อนเรื่องนี้ไปอุ้มไว้”
ไม่เห็นด้วย แม้ยืนคนละฝั่ง “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุไม่เห็นด้วยกับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หลัง กกต.รับคำร้องไว้พิจารณา และไม่อยากให้สถานการณ์ไปถึงจุดนั้น แม้จะเป็นขั้วตรงข้ามทางการเมือง อยู่คนละฝ่าย แต่ในหลักการไม่เห็นด้วย และอาจจะคาดคะเนได้ว่าเป็นการสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองบางอย่างให้มีชนักติดหลังทางการเมืองหรือไม่ เพื่อให้กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม มีอำนาจในการต่อรองกับพรรคเพื่อไทย
ยังอู้ฟู่ อดีต 2 บิ๊กสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) “บิ๊กเข้” พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด วันนี้ (21 ต.ค.2567) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดย พล.ร.อ.ณรงค์ และคู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 23,482,072 บาท มีทรัพย์สิน 23,482,072 บาท ได้แก่ เงินฝาก 6 บัญชี 8,214,131 บาท เงินลงทุน 5,917,941 บาท ที่ดิน 1 แปลง 3,710,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง 2 ล้านบาท ยานพาหนะ 3 คัน 3.2 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) จำนวน 9 รายการ 4.4 แสนบาท เป็นปืน 5 กระบอก นาฬิกา 4 เรือน
มีรายได้รวมต่อปี ประมาณ 2,689,038 บาท เป็นเงินเดือน สว. 1,362 ,720 บาท เบี้ยประชุม กมธ. 96,000 บาท เงินบำนาญกระทรวงกลาโหม 873,480 บาท ดอกเบี้ยสหกรณ์รอบตลอด 5 ปี 256,838 บาท บำเหน็จดำรงชีพ (ได้รับครั้งเดียวเมื่ออายุ 70 ปี) 1 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 883,070 บาท และ นางอัจฉรา พิพัฒนาศัย คู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สิน 22,950 บาท เป็นเงินฝาก 2 บัญชี ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 7,200 บาท เป็นเงินดำรงชีพผู้สูงอายุ มีรายจ่ายรวม 2 แสนบาท และไม่มีหนี้สิน
ขณะที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ และคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 186,572,935 บาท เป็น เงินฝาก 16 บัญชี 57,248,900 บาท เงินลงทุน 3,714,286 บาท ที่ดิน 13 แปลง 63,585,375 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6 หลัง 21.4 ล้านบาท ยานพาหนะ 1 คัน 5 แสนบาท ทรัพย์สินอื่น 1,184,254 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 3,509,588 บาท มีรายจ่ายรวม 5,150,000 บาท ส่วนนางเพ็ญลักษณ์ ปฏิมาประกร คู่สมรส มีทรัพย์สิน 38,936,119 บาท ได้แก่ เงินฝาก 8 บัญชี 23,810,668 บาท ยานพาหนะ 1 คัน 2.6 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 12,525,450 บาท ไม่มีหนี้สิน ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 1.1 ล้านบาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 186,572,935 บาท ไม่มีหนี้สิน
ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ พล.อ.ธนะศักดิ์ แจ้งถือครองของพระราชทาน พระพุทธรูปบูชา พระรูป มิได้ระบุจำนวน ได้มาระหว่าง 2524-2554 ประเมินค่ามิได้ ส่วนนางเพ็ญลักษณ์ ถือครองสร้อยเพชร ตุ้มหูเพชร พระรูปล้อมเพชร ชุดทับทิมล้อมเพชร 19 ชิ้น ได้มา 2535-2554 มูลค่า 4,913,000 บาท นอกจากนี้ยังถือครองเครื่องประดับอีก
อ่านข่าว :
เปิดทรัพย์สิน สว.เก่า "พล.อ.ปรีชา 150 ล้าน - เสรี 589 ล้าน"
กมธ.จ่อเชิญ "ภูมิธรรม - เลขา สมช. - มทภ.4" ถกแนวทางรับมือคดี "ตากใบ" หมดอายุความ