"เจ้นุช" คนสนิท "แม่ตั๊ก" เข้าให้ปากคำตำรวจคดีหลอกขายทอง

อาชญากรรม
10 ต.ค. 67
17:06
1,738
Logo Thai PBS
"เจ้นุช" คนสนิท "แม่ตั๊ก" เข้าให้ปากคำตำรวจคดีหลอกขายทอง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
คนสนิท น.ส.กรกนก "แม่ตั๊ก" ผู้ต้องหาคดีหลอกขายทอง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ปคบ. หลังถูกออกหมายเรียกในฐานะพยานมาให้ข้อมูลที่ตำรวจตั้งข้อสงสัย ว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เจ้าตัวปฎิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเจ้าหน้าที่

จากกรณีมีผู้เสียหายจากการซื้อทองคำออนไลน์จาก "น.ส.กรกนก" หรือ "แม่ตั๊ก" และ เข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ "น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร" และ นายกานต์พล เรืองอร่าม สามี

ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค , ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

ล่าสุด วันนี้ (10 ต.ค.2567) น.ส.ณปภัช เขจรรักษ์ หรือ  "เจ๊นุช" เดินทางเข้าพบตำรวจ ปคบ.ตามหมายเรียกครั้งที่หนึ่ง เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังพบเจ้าตัวไปปรากฏอยู่บนไลฟ์สด ของ "แม่ตั๊ก" และสามี ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว และเคยได้รับทรัพย์สินจากผู้ต้องหาทั้งทองคำและรถยนต์หรู

อ่านข่าว : ตำรวจ ปคบ.เปิดตู้เซฟ "แม่ตั๊ก" ไม่พบหลักฐานเพิ่ม 

ขณะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน "เจ๊นุช" ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง พร้อมให้การกับตำรวจโดยไม่มีสีหน้าเคร่งเครียด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจพร้อมทนายความของผู้ต้องหา ได้นำตู้นิรภัยสีดำที่นำมาจากบ้านพักของผู้ต้องหาภายในซอยรามอินทรา 65 ซึ่งเป็นตู้เซฟตู้ที่ 2 ที่ยังไม่ได้ทำการเปิด จึงได้ใช้ช่างกุญแจนำเครื่องมือมาเปิดตู้เซฟ โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชม.จนสามารถเปิดตู้เซฟได้ แต่ภายในไม่พบทรัพย์สินมีค่าหรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม

ทั้งนี้ภายในตู้นิรภัย มีลักษณะเป็นช่องคล้ายช่องใส่นาฬิกา จำนวน 12 ช่อง พร้อมดันทรงนาฬิกา แต่ไม่พบนาฬิกาหรู ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจได้ตรวจยึดนาฬิกาหรูของผู้ต้องหามาได้แล้ว 6 เรือน

ส่วนตู้แรกที่มีการเปิดไปแล้วก่อนหน้านี้ในบ้านพักภายในซอยรามอินทรา 65 พบเพียงเงินสดไม่กี่หมื่นบาท ผู้ต้องหาอ้างว่า เงินถูกนำไปคืนให้ผู้เสียหายบางส่วนแล้ว ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกว่า 300 คน ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ใช้ประกอบสำนวนคดี

พ.ต.อ.กอนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า ตู้เซฟดังกล่าวยึดมาจากบ้านของผู้ต้องหาในวันที่จับกุมแต่ยังไม่สามารถเปิดได้ ก่อนหน้านี้จึงได้ไปพบผู้ต้องหาในเรือนจำ พร้อมกับทนายความ เพื่อขอความยินยอมให้เปิดตู้เซฟ แต่ผู้ต้องหาบอกว่าจำรหัสไม่ได้และหากุญแจไม่เจอ จึงต้องจัดหาช่างกุญแจเข้ามาเปิดเซฟ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การยินยอม โดยมีทนายเดินทางเข้ามาเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดการเปิดตู้เซฟในครั้งนี้ด้วย

สำหรับรายการทรัพย์สินที่ตำรวจอายัดไปก่อนหน้านี้ มีทั้งรถยนต์หรู จำนวน 4 คัน โฉนดที่ดิน 16 แปลง อสังหาริมทรัพย์ นาฬิกาหรู 6 เรือน และทรัพย์สินต่าง ๆ รวมมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะส่งรายงานให้ ปปง. ตรวจสอบทรัพย์สิน ว่าเข้าข่ายการฟอกเงินหรือไม่

อ่านข่าว : บุกรวบ "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" คาบ้านหรู ฟันข้อหาฉ้อโกง , พ.ร.บ.คอม  

บุกค้นบ้าน - บริษัท เครือข่าย "แม่ตั๊ก" ยึดทรัพย์สิน - รถหรูเพิ่ม  

"ซ้อฝัน" เข้าพบตำรวจ ยันไม่เกี่ยวข้องคดีขายทองแม่ตั๊ก 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง