ไบค์เกอร์ต้องรู้ 5 เทคนิค ขี่มอเตอร์ไซค์หน้าฝน

ไลฟ์สไตล์
4 ต.ค. 67
15:53
66
Logo Thai PBS
ไบค์เกอร์ต้องรู้ 5 เทคนิค ขี่มอเตอร์ไซค์หน้าฝน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ขึ้นชื่อว่าฤดูฝน ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ย่อมไม่ชอบ เพราะไม่เพียงแต่ทัศนวิสัยที่เลวร้ายในการขับขี่ แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่และความปลอดภัย ดังนั้นจึงมีเทคนิคสำหรับการขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำในช่วงหน้าฝน ให้ปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

ช่วงฤดูมรสุมมีฝนตกหนักบ่อยครั้งในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทำให้บนท้องถนนมีหลายจุดที่น้ำท่วมขังหรือมีแอ่งน้ำ และอาจเป็นเส้นทางที่ไบค์เกอร์มีความจำเป็นต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน ในเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงต้องมีเทคนิคการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

เทคนิคการขับมอเตอร์ไซค์หน้าฝน

1.ลดความเร็วในการขับ

การขี่มอเตอร์ไซค์ในช่วงที่ฝนตก ถนนลื่น ควรขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ยางของรถสามารถทำการรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงความสามารถการยึดเกาะถนนไว้ได้เป็นอย่างดีและปลอดภัยที่สุด หากต้องลุยบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ผู้ขับขี่ต้องประเมินระดับความสูงของน้ำ ไม่ควรเกินกึ่งหนึ่งของหน้าแข้ง สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่เป็นระบบสายพาน ตำแหน่งหน้าแข้งจะใกล้เคียงกับตำแหน่งห้องสายพานพอดี และขับขี่ด้วยความเร็ว 5-10 กม./ชม. หรือไม่เกิน 15 กม./ชม.

2.เพิ่มระยะห่างกับรถคันหน้ามากกว่าปกติ

ในช่วงที่ฝนตก น้ำที่ตกลงมาจะไปชะล้างพื้นถนน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงทำให้ถนนลื่น จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติอย่างน้อย 2 เท่า เพื่อเพิ่มระยะการเบรกให้มากขึ้น เนื่องจากถนนเปียกทำให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนลดลง และป้องกันอุบัติเหตุฉุกเฉิน

3.เบรกรถเป็นระยะ เพื่อไล่น้ำและป้องกันเบรกลื่น

ผ้าเบรกสามารถดูดซับน้ำได้หากเปียกจากฝนหรือการลุยน้ำ ควรที่จะเบรกรถโดยย้ำเบรกถี่ๆ เป็นระยะ เพื่อเป็นการไล่น้ำและป้องกันเบรกลื่น และที่สำคัญ "ห้ามเบรกรถอย่างกะทันหันเด็ดขาด" ควรใช้วิธีผ่อนคันเร่งเพื่อชะลอความเร็วของมอเตอร์ไซค์แทนการเบรกทันที แล้วค่อยๆ แตะเบรก หรือ ย้ำเบรกถี่ๆ

4.เลี่ยงแอ่งน้ำทั้งเล็กและใหญ่

หากมองด้วยสายตาอาจไม่รู้ว่า บริเวณน้ำในแอ่งนั้น เป็นเพียงน้ำเกาะผิวถนนหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งหากขี่ไปตรงจุดนั้นอาจทำให้รถมีอาการเหินน้ำได้ โดยร้ายแรงที่สุดบ่อหรือหลุมที่มีน้ำขังอาจทำให้รถเสียหลักได้เลย

5.เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

บางในผู้ใช้มอเตอร์ไซค์อาจมีความจำเป็นต้องขับขี่ในช่วงฝนตก สิ่งที่ช่วยเหลือได้ดีคือการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อย่างเช่นหมวกกันน็อค หากเราขับขี่ในช่วงฝนตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งในเทคนิคคือการใช้น้ำยาเคลือบชิวหมวกกันน็อค เพื่อให้น้ำไม่เกาะซึ่งอาจส่งผลกับการมองเห็นและทัศนวิสัยในการขับขี่ได้


เช็กลิสต์มอเตอร์ไซค์หลังขับขี่ลุยน้ำ - น้ำท่วม

1.ตัวกรองอากาศ

การขับขี่ลุยน้ำ ลุยฝน หรือน้ำท่วม หม้อกรองอากาศมีอาจยังมีน้ำหลงเหลืออยู่ ดังนั้นควรถอดหม้อกรองอากาศออกมาเพื่อทำความสะอาด หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้

2.หัวเทียน

นี่คือชิ้นส่วนสำคัญของรถจักรยานยนต์ที่ต้องทำความสะอาดหลังลุยน้ำ เพื่อไล่ความชื้น และหมั่นตรวจเช็กตรงปลั๊กหัวเทียนว่ามีน้ำขังหรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีควนำไปเป่าให้แห้ง เพราะการเป่าลมจะช่วยไล่น้ำออกได้อย่างรวดเร็วที่สุด

3.โซ่ - สายพาน

หมั่นตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ เพราะการขับขี่ลุยน้ำหรือตากฝน อาจทำให้เสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน และเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

4.น้ำมันเครื่อง

การขับขี่จักรยายนต์ลุยฝนหรือลุยน้ำ มีโอกาสทำให้น้ำเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ ควรตรวจเช็กน้ำมันเครื่องให้ละเอียดหลังจากขับมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำลุยฝน หากปล่อยทิ้งเอาไว้อาจทำให้ห้องเครื่องเป็นสนิมได้

5.เบรกและดอกยาง

เบรกเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ ควรถอดผ้าเบรกออกมาทำความสะอาดและไล่น้ำ โดยการเป่า หากไม่ไล่น้ำออกให้หมด อาจทำให้เบรกไม่อยู่ ในส่วนของยางนั้น เป็นจุดเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนน หมั่นตรวจเช็กสภาพของดอกยาง และควรใช้ชนิดของยางให้เหมาะสมกับสภาพถนน

สถิติบ่งชี้ "มอเตอร์ไซค์" เกิดอุบัติเหตุมากสุดบนท้องถนน

รถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยมีมากกว่า 20 ล้านคัน มีสัดส่วนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของตัวเลขยานพาหนะทั้งหมดในประเทศ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม ปี 2567 จากอุบัติเหตุทางถนน มากกว่า 10,000 ราย โดยสัดส่วนของผู้เสียชีวิตมากจากรถจักยานยนต์กว่า 82 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.thairsc.com/ นอกจากนี้จากสถิติยังบ่งชี้อีกว่า ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่ใช้ความเร็วสูงกว่า 80 กม./ชม. เมื่อประสบอุบัติเหตุจะมีโอกาสเสียชีวิตสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง