วันนี้ (25 ก.ย.2567) บรรยากาศธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานใหญ่ ผู้มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท ทยอยเดินทางเข้าถอนเงินสดอย่างคึกคัก
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบางส่วน บอกว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับเงิน 10,000 บาท เช่นเดียวกับ สมาชิกในครอบครัวอีกหลายคนก็ได้รับเงินเช่นเดียวกัน แต่คงไม่ได้นำมารวมกันเพื่อทำทุนแต่อย่างใด เนื่องจากสมาชิกครอบครัวแต่ละคนก็มีภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สินของแต่ละคน
เช่นเดียวกับ ผู้พิการทางการได้ยิน ระบุว่า ยังไม่มีแผนใช้เงิน แต่อยากกดเงินสดออกมาเพื่อเป็นเงินกองกลางของครอบครัว และขอบคุณรัฐบาลที่ดำเนินนโยบายดังกล่าว
ประเดิมโอนวันแรก 1.26 ล้านบัญชีราบรื่น
ขณะที่ นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ระบุว่า ธนาคารได้เพิ่มการสำรองเงินสด เข้าระบบสาขารวมทั้ง ตู้ ATM ทั่วประเทศ เฉพาะสาขาสำนักงานใหญ่ วันนี้เพิ่มปริมาณเงินสด ร้อยละ 10 จากปกติ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนแล้ว
หลังวันนี้ ได้ดำเนินการโอนเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิที่ผูกพร้อมเพย์กับบัญชีของ ธ.ก.ส. วันแรก 1.26 ล้านบัญชี จากจำนวนบัญชีที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 5.4 ล้านบัญชี โดยระบบสามารถทำงานอย่างราบรื่นไม่มีขัดข้อง พร้อมยอมรับว่า ผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท บางส่วนอาจนำเงินที่ได้มาชำระหนี้กับธนาคาร แต่ไม่มีการตัดหน้าซองแน่นอน
ประชาชนดีใจหลังรอคอยเงินหมื่นมาหลายรอบ
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่บัตรประชาชนลงท้ายด้วย 0 และคนพิการ ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับเงิน 10,000 บาท เป็นวันแรก ต่างพากันมาปรับสมุดบัญชีธนาคาร เพื่อตรวจเช็กยอดเงิน บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เพราะรอวันนี้มานานกว่าจะได้รับเงิน 10,000 บาท
น.ส.ยาวารี มะมิง ชาว อ.ยะหา หนึ่งในผู้ที่ได้รับเงิน บอกว่ายังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืนเพราะรอโอนเงิน 10,000 บาท แต่เงินไม่โอนเข้าเลยมาปรับสมุด ธนาคารกรุงไทย และพอไปปรับสมุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่าเงิน 10,000 บาท เข้าแล้วจึงตั้งใจนำไปซ่อมแซมบ้าน
ขณะที่ หน้าตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคาร ธกส.สาขากำแพงเพชร คึกคักไปด้วยประชาชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการ เดินทางมาถอนเงิน 10,000 บาท
ชาวบ้านที่ได้รับโอนเงินบอกว่า ดีใจที่ได้รับเงินในวันนี้จะนำเงินไปใช้จ่ายซื้อของใช้ส่วนตัว และเครื่องอุปโภคบริโภคเก็บไว้ภายในบ้าน และเป็นค่าเทอม ค่าใช้จ่ายในการเรียนหนังสือให้กับลูก บางส่วนจะนำเงินที่ได้ไปซ่อมแซมบ้าน
ไม่ต่างจากที่ จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ประชาชนเดินทานมาถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารของรัฐ บางส่วนบอกว่านำเงินที่ได้ไปใช้หนี้สหกรณ์ 32,000 บาท โดยในครอบครัวมีสมาชิก 4 คน ที่จะได้รับเงินจึงพากันมาเบิกเงินทั้งหมด แต่วันนี้มีเงินเข้าเพียง 2 คน จึงจะชะลอการถอนเงินเพื่อรอให้เงินเข้าครบทุกคนก่อน
ส่วนธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก ถ.นเรศวร ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก มีประชาชนมารอเบิกเงิน 10,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว บางคนจะแบ่งเงินบางส่วนไปใช้หนี้ ขณะที่ผู้สูงอายุจะเก็บเงินเอาไว้สำหรับเอาไว้ใช้จ่ายเป็นค่าเดินทางไปหาหมอเนื่องจากตัวเองอายุมากแล้ว
ไม่ต่างจาก จ.หนองบัวลำภู ประชาชนต่างมารอปรับสมุดและกดเงิน 10,000 บาท ส่วนใหญ่ที่ได้รับเงิน บอกว่าจะนำไปซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น โทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ติดต่อกับลูกที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัว
ขณะที่ชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ได้รับเงินบอกว่า รู้สึกดีใจมากเพราะได้เงินเป็นทุนในการซื้อปุ๋ยเพื่อนำไปใส่ต้นข้าวที่กำลังจากออกรวง
ขณะที่ผู้พิการบางคนและผู้สูงอายุที่ยังไม่มีเงินเข้าบัญชีทั้งที่ลงทะเบียนขอรับสิทธิไว้แล้วได้เดินทางมาติดต่อที่ธนาคารเพื่อสอบถามว่าเกิดจากความผิดพลาดในการลงทะเบียนหรือไม่
เช่นเดียวกับชาว จ.เลย ที่มารอกดเงิน 10,000 บาท ที่รัฐบาลโอนให้หลายคนบอกว่ามียอดเงินโอนเข้าตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนและมากดเงินในตอนเช้าเพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนหนึ่งบอกว่าจะนำเงินไปให้ลูกหลานและขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการช่วยเหลือเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ
และตั้งแต่เที่ยงคืนมีประชาชนเข้าไปโพสต์ขอความผ่านเพจ "ทางรัฐ ดิจิตอล 10,000 บาท" โดยหลายคนตั้งตารอเงินหมื่นและมีหลายคนที่เงินยังไม่ถูกโอนเข้าบัญชี ขณะที่บางส่วนบอกว่าจะนำเงินไปใช้หนี้ นอกเหนือจากนำเงินมาจับจ่ายใช้สอย
ขณะที่วันนี้กลุ่มคนพิการที่จะถูกโอนเงิน 10,000 บาท จำนวน 2.1 ล้านคน จะมีคนพิการที่เอกสารไม่สมบูรณ์ เช่น บัตรคนพิการหมดอายุ ยังไม่ได้เปิดบัญชีธนาคารผูกพร้อมเพย์ จำนวน 93,979 คน จะต้องทำเอกสารให้ครบถ้วน และจะได้รับโอนเงินหมื่นในรอบที่ 2 วันที่ 22 ต.ค.นี้
อ่านข่าว : นายกฯ คิกออฟแจกเงิน 10,000 เชื่อพายุหมุนลูกนี้ทำให้เศรษฐกิจดี
วันแรก แจกเงินหมื่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต - เช้านี้ยังเงียบเหงา
“อนุทิน” ยันไม่ใช่ หน.พรรคการเมืองใหญ่ ต้นเรื่องแก้ รธน.รายมาตรา
