ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช.ชงศาลฎีกาฟัน "เศรษฐา" ปมจริยธรรม

การเมือง
15 ส.ค. 67
12:13
1,053
Logo Thai PBS
"เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช.ชงศาลฎีกาฟัน "เศรษฐา" ปมจริยธรรม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช. เอาผิดอาญา "เศรษฐา" หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่ซื่อสัตย์สุจริตฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง โทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต

วันนี้ (15 ส.ค.2567) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นเอกสารทางไปรษณีย์ ร้อง ป.ป.ช. ส่งเรื่องนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อว่าฝ่าฝืนจริยธรรม หรือไม่จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นการเฉพาะตัว เพราะเหตุตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) นั้น

นายเรืองไกร กล่าวว่า โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 นั้น ทำให้มีประเด็นที่ต้องร้องไปที่ ป.ป.ช. ตามมาด้วย ดังนั้น ในเช้าวันนี้จึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามคำร้องต่อไป โดยมีความดังนี้

“ข้าพเจ้า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่อยู่ข้างต้น ขอให้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยว่า โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จะเป็นเหตุให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ ตามข่าวศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567

(สิ่งที่ส่งมาด้วย 1.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่า “ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ 1 นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) แล้ว รัฐมนตรีต้องพ้นตำแหน่งทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการ ปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป” นายเรืองไกรระบุ

นายเรืองไกรยังระบุว่าโดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน ป.ป.ช. ด้วย กรณีจึงมีความจำเป็นต้องขอให้ ป.ป.ช. คัดสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญพร้อมทั้งสรรพเอกสารมาถือเป็นสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. เพื่อเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไป ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 (1) จึงเรียนมาเพื่อขอให้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยว่า โดยผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 จะเป็นเหตุให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่”

นายเรืองไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีที่ต้องร้องนายกฯเศรษฐา ไปที่ ป.ป.ช. เพราะหากต่อมา ศาลฎีกาวินิจฉัยตามศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดไปด้วย และตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้มีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรม ที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริงส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป

อ่านข่าว : 

"เศรษฐา" ไม่รอด ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินพ้นตำแหน่งนายกฯ

"ชัยเกษม" พร้อมนั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ยันไร้ปัญหาสุขภาพ

16 ส.ค.เคาะโหวต "นายกรัฐมนตรี" คนที่ 31

เพื่อไทยถกโหวตนายกฯ "สมคิด" ปัด "ชัยเกษม" ขัดตาทัพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง