- ชมสดศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย "คดีเศรษฐา"
- เปิด 2 แนวทางคดีถอด "เศรษฐา" ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตา 14 ส.ค.
วันนี้ (14 ส.ค.2567) นพ.สมภพ สังคุตแก้ว รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า สำหรับการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้เสนอวาระจร เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป อภัยโทษหมู่เนื่องในวาระมหามงคล ไม่ใช่หลักเกณฑ์การขอพระราชทานอภัยโทษสำหรับบุคคลบางกรณี โดยปกติแล้วจะมีการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ลงในประกาศพระราชกฤษฎีกา โดยระบุเป็นรายมาตราซึ่งจะแตกต่างกันออกไป
อาทิ คุณสมบัติของผู้ต้องราชทัณฑ์ ว่าต้องเป็นผู้ต้องขังจากรายคดีใด ผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นใด ต้องรับโทษจำคุกมาแล้วกี่ปี และเหลือโทษเท่าไร อีกทั้งจะมีการระบุรายละเอียดการพ้นโทษด้วยว่าจะให้เป็นผลอย่างไร เช่น ให้ผู้ต้องขังรับโทษจำคุกต่อไปเหลือกี่ปี หรือให้พ้นโทษทันที
นพ.สมภพ ระบุว่าขณะนี้เรือนจำและทัณฑสถานต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อผู้ต้องขังเพื่อส่งมายังกรมราชทัณฑ์รับทราบว่ามีจำนวนผู้ต้องขังที่มีเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษเป็นการทั่วไปเท่าไหร่ อีกทั้งในที่ประชุม ครม.ก็ยังไม่มีระบุถึงรายละเอียดของประกาศกฤษฎีกา ว่าจะมีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปหรือไม่ โดยตามขั้นตอนแล้วในวาระวันมหามงคล กรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำ ทัณฑสถานทั่วประเทศ จะมีการจัดทำสำรวจรายชื่อและคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่มีเกณฑ์เบื้องต้นเข้าข่ายอาจได้รับการพิจารณาอภัยโทษเป็นการทั่วไป
ส่วนเกณฑ์การอภัยโทษเป็นการทั่วไปในชั้น ครม. ที่ใช้พิจารณากันมักจะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ต้องขังลงในกฤษฎีกา ดังนี้
เป็นผู้ต้องขังโทษเหลือน้อยไม่ถึงปี , เป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย , เป็นผู้ต้องขังที่รับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 , เป็นผู้ต้องขังชั้นดี ,เป็นผู้ต้องขังที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีแนบท้าย เป็นต้น
จากนั้นกรมราชทัณฑ์ โดยเรือนจำและทัณฑสถาน จึงจะนำคุณสมบัติที่ปรากฏในกฤษฎีกาไปทำการค้นหาผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยตัวพ้นโทษ หรือการลดโทษ
ส่วนของรายคดีที่ได้รับการยกเว้นไม่เข้าหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นการทั่วไป ได้แก่ คดียาเสพติดร้ายแรง คดีเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย (คดีอุกฉกรรจ์) คดีที่ผู้ต้องขังรายนั้น ๆ ยังอยู่ระหว่างกระบวนการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา
เมื่อถามว่ากรณีของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2565 ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พบว่า มาตรา 3 บางวรรคระบุถึง ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งเป็นผู้ได้รับการพักการลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร หรือได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษ หรือการลดวันต้องโทษจำคุก ก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ กรณีนี้เข้าเกณฑ์สอดคล้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หากภายในปี 2567 มีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปนั้น
อ่านข่าว : "ราชทัณฑ์" แจงปมวันพ้นโทษ "ทักษิณ" 31 ส.ค.นี้
นพ.สมภพ กล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร กำลังจะครบกำหนดพักการลงโทษ และจะพ้นโทษในสิ้นเดือน ส.ค.นี้ ซึ่งอภัยโทษเป็นการทั่วไปจะไม่มีผลใดกับนายทักษิณ ทั้งนี้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปในแต่ละครั้งจะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็อาจมีความคล้ายเดิมอยู่บ้าง
ส่วนในกรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกคดีจำนำข้าว มีเกณฑ์อาจได้รับการอภัยโทษเป็นการทั่วไปหรือไม่ นพ.สมภพ กล่าวว่า ต้องดูว่านายบุญทรงเหลือโทษจำคุกกี่ปี แต่หากมีคุณสมบัติอยู่ในบัญชีแนบท้ายของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่จะเกิดขึ้น แล้วถูกมองว่าเป็นคดีความมั่นคง ก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดจากกฤษฎีกาในชั้น ครม. เช่นเดียวกัน
อ่านข่าว :
“ทักษิณ” พบ “ประยุทธ์” การเมืองลงตัว-ไปต่อ
"เศรษฐา" ปัดตีตัวห่าง "ทักษิณ" ปมดรามา "ประยุทธ์" มางานศพแม่