จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกตรวจค้นเอาผิดเครือข่ายส่งออกน้ำมันเถื่อนโกฟุก ในคดีพิเศษ 116/2563
วันนี้ (13 ส.ค.2567) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับอธิบดีคนหนึ่ง ในข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157 โดยอ้างว่าอธิบดีคนดังกล่าวไม่ได้ดำเนินเรื่องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายโกฟุก ตาม พ.ร.บ.ประมวลรัษฎากร ถือว่าเป็นการละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนคดีตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) จับเรือน้ำมันเถื่อน 5 ลำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะ นายอัจฉริยะได้ร้องเรียนเอาผิดผู้บังคับการ ปอศ. และผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ. ที่รับผิดชอบในคดีนี้ แต่ไม่ดำเนินคดีกับแรงงานข้ามชาติที่ตกเป็นผู้ต้องหา โดยไม่ส่งตัวให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จึงถือว่ามีพฤติกรรมละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่และเข้าข่ายเพื่อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา
นอกจากนี้ นายอัจฉริยะยังนำแผ่นป้ายไวนิลมาเปิดเผย พร้อมระบุว่าเป็นพฤติกรรมของตำรวจ บก.ปอศ. และตำรวจในหน่วยงานของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์กับขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ ขายใบกำกับภาษีปลอมให้กับกลุ่มบริษัทในเครือข่ายนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายเข้ามาจำหน่ายในประเทศ โดยยืนยันว่ามีหลักฐานเส้นทางการเงินโอนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน ซึ่งเตรียมที่จะแถลงข่าวเปิดโปงภายในสัปดาห์หน้า
ภายหลังที่นายอัจฉริยะเข้ายื่นหนังสื่อร้องเรียนกับตำรวจสอบสวนกลาง ทีมข่าวได้สอบถาม ผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ. กรณีที่ถูกร้องเรียนเรื่องการดำเนินคดีกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่ส่งตัวให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่จับในพื้นที่นอกราชอาณาจักร แรงงานข้ามชาติที่ตกเป็นผู้ต้องหา ไม่เข้าเงื่อนไขการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เป็นผู้ที่ลักลอบหนีเข้าประเทศหรืออยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนตามที่นายอัจฉริยะระบุเอาไว้ได้ แต่จะเข้าเงื่อนไขการกระทำความผิดในคดีการจับเรือน้ำมันเถื่อนทั้ง 5 ลำ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนที่นายอัจฉริยะร้องเรียนไม่มีความกังวลและพร้อมให้ตรวจสอบ
ส่วนความคืบหน้าคดีเรือน้ำมันเถื่อนทั้ง 5 ลำที่จับได้ในพื้นที่น่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งเป็นพื้นที่นอกราชอาณาจักร นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า การประชุมของคณะสอบสวนในคดีที่มีอัยการร่วมกับพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. มีความเห็นตรงกันหลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและรวบรวบพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว เตรียมส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งสำนวนฟ้องต่อศาลได้หรือไม่ ภายในวันที่ 16 ส.ค.นี้ โดยไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดผลการประชุม
ขณะที่การออกหมายจับสากล นายสหชัย หรือ โจ้ ปัตตานี และนายสมเกียรติ หรือ เสี่ยเล็ก พร้อมผู้ต้องหาที่หลบหนี กรณีลักเรือของกลาง 3 ลำไปจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่นั้น คณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย
อ่านข่าว
"ชัยชนะ" ปูดทุนจีนเทายึดภูเก็ต ธุรกิจเช่ารถ-ป้ายปลอม
รู้ก่อนใช้! ผสม "โซดาไฟ" กับ" น้ำยาล้างห้องน้ำ" อันตรายถึงตาย