“แม้ว่าจริงๆแล้ว ฝนที่ตกมากในช่วงเดือนกรกฎาคมในพื้นที่ภาคตะวันออกจะถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในประเทศไทยไม่มีฝนมากในช่วงเดือนกรกฎาคมมาตั้งแต่ปี 2561 และหากนับย้อนไปว่า มีฝนหนักในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ภาคตะวันออกครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปถึงปี 2556 ... นั่นทำให้เราอาจรู้สึกว่า สถานการณ์น้ำที่จันทบุรีและตราดในปีนี้เป็นเรื่องไม่ปกติ”
ข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ค.2567 จากแอพพลิเคชัน ThaiWater ระบุว่า ระดับน้ำที่จุดวัดระดับน้ำแม่น้ำจันทบุรี ที่สถานีสะพานวัดจันทนาราม เขตเทศบาลเมือง จ.จันทบุรี มีระดับน้ำล้นตลิ่งอยู่ที่ประมาณ 20 เซนติเมตร (ระดับน้ำ 3.46 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง - ตลิ่ง 3.44 เมตร)
เป็นข้อมูลที่ นายวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรียังต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพราะจะยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่นี้ไปอีก 2 วัน (30-31 ก.ค.2567)
นายวรรธนศักดิ์ กล่าวว่า ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ ตราด มาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เท่ากับว่า มีฝนตกติดต่อกันมา 18 วันแล้ว (นับถึง 29 ก.ค.2567) และยังตกต่อไปอีก 2 วัน คือ 30 และ 31 ก.ค. ต้องยอมรับว่า ไม่มีพื้นที่ไหนสามารถรองรับสถานการณ์ที่ฝนตกติดต่อกัน 20 วันได้อย่างแน่นอน
โดยยังมีหลายวันที่ฝนตกหนักมากอีกด้วย เช่น เมื่อวันที่ 27 ก.ค. มีปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง ที่วัดได้จากทุกสถานีวัดใน จ.จันทบุรี และตราด มากกว่า 200-300 มิลลิเมตร ดังนั้นสถานการณ์จึงอยู่ในช่วงอิ่มตัวแล้ว ทั้งดินและแหล่งรับน้ำต่าง ๆ เมื่อมีฝนตกลงมาอีกเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็นมวลน้ำที่จะเติมลงมาทั้งหมด
“ต้องผ่านไปให้ได้อีก 2 วัน” คือ ข้อความผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศทรัพยากรน้ำ สสน. ระบุเพิ่มเติมเพื่อชี้ให้เห็นว่า จ.จันทบุรี จะต้องพยายามหาทาง “ตัดน้ำ” บางส่วน ออกไปจากระบบชลประทานบ้างเพื่อให้ “คลองผันน้ำภักดีรำไพ” ยังสามารถช่วยรองรับน้ำได้เพิ่มขึ้น
“ที่จันทบุรียังไม่เกิดน้ำท่วม เพราะมีคลองผันน้ำภักดีรำไพ (เปิดใช้ปี 2560) ที่มีความยาวประมาณ 12 กิโลเมตร ช่วยตัดน้ำออกไปจากตัวเมืองได้ถึง 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถ้าไม่มีคลองนี้ ระดับในตัวเมืองที่ล้นตลิ่งอยู่ 20 เซนติเมตร ก็น่าจะล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำมากกว่า 1 เมตรไปแล้ว แต่จากสถานการณ์ที่ฝนตกติดต่อกันมาถึง 18 วัน ทำให้คลองภักดีรำไพถูกใช้งานไปเต็มศักยภาพ จันทบุรียังไม่เกิดน้ำท่วมเพราะมีคลองผันน้ำภักดีรำไพ (เปิดใช้ปี 2560) ที่มีความยาวประมาณ 12 กิโลเมตรช่วยตัดน้ำออกไปจากตัวเมืองได้ถึง 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถ้าไม่มีคลองนี้ ระดับในตัวเมืองที่ล้นตลิ่งในพื้นที่ต่ำอยู่ 20 เซนติเมตร ก็น่าจะล้นตลิ่งมากกว่า 1 เมตรไปแล้ว ... แต่จากสถานการณ์ที่ฝนตกติดต่อกันมาถึง 18 วัน ทำให้คลองภักดีรำไพถูกใช้งานไปเต็มศักยภาพ หากมียอดน้ำมากกว่านี้จะเกินกำลังของคลอง จนไม่สามารถช่วยตัดน้ำออกไปจากแม่น้ำจันทบุรีได้อีกแล้ว”
“สถานการณ์ในวันนี้ (30 ก.ค.2567) ยอดน้ำสูงสุดยังมาไม่ถึงที่เขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ดังนั้นจะยังมีน้ำจากต้นแม่น้ำจันทบุรีเติมน้ำลงมาจากฝนที่ตกลงมาก่อนหน้า และจะยังมีฝนตกเพิ่มในพื้นที่อีก 2 วัน ถ้าต้องการให้มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ควรต้องหาพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นทุ่งมารองรับการระบายน้ำจากคลองภักดีรำไพออกไปบางส่วน เพื่อให้คลองผันน้ำภักดีรำไพยังสามารถช่วยตัดน้ำออกจากแม่น้ำในเขตเทศบาลไปลงทะเลได้ และหากผ่าน 2 วันนี้ไปได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2567 ฝนก็จะเบาบางลงไปมากแล้ว”
ส่วนที่ จ.ตราด เป็นอีกจุดที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเช่นกัน เพราะยอดน้ำสูงสุด ยังอยู่ที่ อ.เขาสมิง ซึ่งจะไหลลงมาเติมในพื้นที่เขตเมืองหลังจากนี้ แต่ยังมีข้อดีที่เขตเทศบาลเมืองตราดตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ปากแม่น้ำก่อนไหลออกสู่ทะเล จึงเป็นจุดที่ตจะระบายน้ำได้เร็ว ซึ่งในสภาวะที่เลวร้ายที่สุด คือ น้ำเหนือไหลลงมา มีฝนตกลงเพิ่มที่ช่วงกลางน้ำและปลายน้ำพร้อมๆกับน้ำทะเลหนุน ก็จะทำให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมแม่น้ำได้ จึงควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์นี้ แม้ว่าน้ำที่ท่วมจะกินเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
รายงานโดย: สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา
อ่านข่าว:
ปภ.เตือน 8 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม - ดินถล่ม