พลิกวิกฤตเป็นวิบัติ คงกล่าวไม่ผิด สำหรับการประมูลข้าว 10 ปี ในยุคโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทย หลังกระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลเมื่อวันที 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา และยังไม่สามารถประกาศผลได้
ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ แจ้งผลรายงานตรวจสอบคุณสมบัติผู้ซื้อข้าวสารสต็อกรัฐค้างเก่า 10 ปี 15,000 ตันจำนวน 6 ราย พบว่า 3 ราย คือ บริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัดบริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด และบริษัท เอส. เอส. เอ็ม. อาร์. การเกษตร จำกัด มีพฤติกรรมเชื่อมโยงคดีค้างเก่าที่อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลปกครองและต้องถูกตัดสิทธิประมูลแน่นอน
เปิด 3 บริษัทใหม่จ่อเข้าคิวประมูลข้าวเก่า
พลันเมื่อ บริษัทใหญ่ 3 ราย ถูกตัดสิทธิ แน่นอนว่า สปอตไลท์ดวงใหม่ได้ หันไปส่อง ผู้เข้าร่วมประมูลที่เหลืออีก 3 ราย คือ บริษัท สหธัญ จำกัด บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด บริษัท สหธัญ จำกัด บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด แทน โดย 1 ใน 3 รายที่เสนอราคาสูงสุด คือ บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งเพียงคลังเดียว 62,734,711.23 บาท เฉลี่ย 18.690 บาท/กก.
ส่วนบริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอราคาคลังกิตติชัย เพียงคลังเดียว 182,046,000 บาท เฉลี่ย 15.617 บาท/กก. และบริษัทบี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาซื้อข้าว ทั้งสองคลัง โดยคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ย 16.00 บาทต่อกก. และคลังกิตติชัย 186,506,473.60 บาทเฉลี่ยราคา 16.00 บาทต่อกก.
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท สหธัญ ฯ มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2553 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีกรรมการบริษัทประกอบด้วย นายปฐวี วงษ์พิทักษ์โรจน์ แม้จากการสืบค้นจะไม่พบว่า นายปฐวี วงษ์พิทักษ์โรจน์ เป็นใครมาจากไหน
แต่สำหรับนามสกุล "วงษ์พิทักษ์โรจน์" เป็นนามสกุลของนายวุฒิพงษ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานบริษัทในเครือวงษ์พิทักษ์ นักธุรกิจคอนกรีตรายใหญ่ในจังหวัดราชบุรี และมีลูกชายคือ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นประธาน กมธ.อุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร
ส่วนบริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด ที่สนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง 53,705,477.77 บาท เฉลี่ย 16 บาท/กก. คลังสินค้ากิตติชัย 186,506,473.60 บาท เฉลี่ย 16 บาท/กก. มาต่อรองราคาต่อไป
ทั้งนี้บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ มีกรรมการบริษัทประกอบด้วย นายณัฐพงศ์ ทิพย์เจริญ
และบริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2562 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี มีกรรมการบริษัทประกอบด้วย นายธวัชชัย อู่แสงทอง สำหรับนายธวัชชัย อู่แสงทอง เป็นเจ้าของโรงสีทรัพย์แสงทอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี
"จ้องล้มประมูล" พฤติกรรมเชื่อมโยงคดีค้างเก่า
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ อคส.ตรวจสอบเชิงลึกทุกด้านของบริษัทผู้ข้าร่วมประมูลทั้ง 6 ราย พบ พฤติกรรมเชื่อมโยงคดีค้างเก่าที่อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลปกครอง โดยทั้ง 3 รายประกอบด้วย บริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัดบริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด และบริษัท เอส. เอส. เอ็ม. อาร์. การเกษตร จำกัด ถือว่าคุณสมบัติหลังตรวจสอบเชิงลึกแล้ว ไม่ผ่านที่จะเป็นผู้ชนะประมูล
โดยเฉพาะบริษัท วี เอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่เสนอราคายื่นซองประมูลมากสุดโดยให้ที่ 19.07 บาทต่อกก. หรือกว่า 286 ล้านบาท และอีก 2 บริษัทดังกล่าว ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีค้างเก่ากับนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำ ความเสียหายให้แก่ อคส. และถูก อคส. ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายตามสัญญารับฝากเก็บรักษา มันเส้น ข้าวสาร และสัญญาจ้างตรวจสอบ และรับผิดชอบคุณภาพข้าว ซึ่งเป็นคดีค้างเก่ายังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง
แม้ว่าทั้ง 3 รายไม่ใช่เป็นคู่กรณีโดยตรง แต่ก็มีความเชื่อมโยงทางอ้อมและเกี่ยวพันธ์กัน จึงมองว่าไม่สมควรที่จะเดินหน้าเจรจาต่อรองและควรตัดสิทธิยื่นซองประมูลในครั้งนี้
อ่านข่าว:
"วี เอท" เสนอราคา 19.07 บ./กก. คว้าชัยประมูลข้าว 10 ปี
แกะรอย มหกรรมโชว์กินข้าว 10 ปี กินได้จริงหรือ? ฤาหาทางลง
ย้อนรอย มหากาพย์ "โครงการจำนำข้าว" ปิดฉากฟอกข้าว 10 ปี
แหล่งข่าวรายเดิม ตั้งข้อสังเกตว่า แปลกใจที่เอกสารผลตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นประมูลข้าวสารค้างเก่ารัฐ 10 ปี จำนวน 15,000 ตันใน 6 ราย จึงหลุดออกสู่สาธารณชน ทั้งที่ควรเป็นความลับและควรดำเนินการให้จบทุกขั้นตอนเพื่อรายงานผลตรวจสอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ทราบก่อน
น่าจะทำเป็นกระบวนการที่จะพยายามให้เกิดการล้มประมูลข้าวสารสต็อกรัฐในครั้งนี้ให้ได้ และบริษัทที่ยื่นประมูลบางรายต้องการที่จะขอหลักประกันยื่นซองประมูลคืน
สำหรับขั้นตอนต่อไปต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่า เมื่อคุณสมบัติไม่ผ่านและมีส่วนเกี่ยวพัน คดีค้างเก่า โดยเมื่อถูกตัดสิทธิไปแล้วจะต้องคืนหลัก ประกันให้แต่ละรายหรือไม่ และความผิดมีหรือไม่ เพราะตามกรอบและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อผลตรวจสอบออกมาคุณสมบัติไม่ผ่านก็ต้องคืนหลักประกันให้ แต่ความผิดที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงหน่วยงานอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์จะไปดำเนินการตรวจสอบกันอีกครั้งต่อไป
"ยอมรับว่าการประมูลข้าวสารค้างเก่าครั้งนี้ มีความพยายามของบางกลุ่มไม่ต้องการให้เปิดประมูล เพราะมีการเปรียบเทียบข้าวในสมัย คสช.ที่นำข้าวสารมาประมูลได้เพียงโลละ 5 บาท แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ราคาถึงกว่า 15-19 บาท แต่ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรจะเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะไม่มีการล้มประมูล"แหล่งข่าว ระบุ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
"พาณิชย์" ไม่ล้มประมูล-สั่งอคส.ขยับต่อรอง 3 บริษัท
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล หรือข้าว 10 ปี พบว่า มี 3 รายที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งในฐานะที่กำกับดูแล อคส. ได้สั่งการให้ อคส. ดำเนินการพิจารณาผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ครบถ้วน และต่อรองราคากับผู้ซื้อที่เสนอราคาสูงสุดในลำดับถัดไปในแต่ละคลังเพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป
"อคส.ตัดสิทธิ รายแรกที่เสนอมาสูงสุด หลังจากนี้ก็จะให้โอกาสรายที่ 2 รายที่ 3 ที่เสนอราคาสูงสุดในแต่ละคลัง เข้ามาเจรจาต่อรอง โดยให้ยึดราคาที่ผู้เสนอราคาสูงสุดเคยให้ไว้ แต่จะได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่การต่อรองของ อคส. ...อยากให้การเปิดประมูลข้าวรอบนี้ จบลงได้ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะถือว่าขายได้ราคาดีมาก แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องล้มและเปิดประมูลใหม่"นายภูมิธรรมกล่าว
"ธนสรรไรซ์" รับมีคดีกับ อสค.- "ถอดใจ" เมินข้าวเก่า
นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด ผู้ส่งออกและผลิตข้าวถุง 1 ในตัวเต็ง ชนะประมูลข้าว กล่าวกับ “ไทยพีบีเอส” ว่า ทราบว่า ถูกตัดสิทธิจากการประมูลข้าวแล้ว และยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องคดีความกับอคส. ซึ่งการประมูลข้าวล็อตนี้ไม่เหมือนข้าวล็อตอื่นๆ เป็นข้าวที่สังคมจับตามอง และโดนโจมตีหลายเรื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของบริษัทที่รับข้าวไป
ผมก็น่าจะถอนตัว ต้องรอฟังจากอคส.ว่าติดปัญหาอะไร เชื่อว่า อคส.น่าจะเรียก เบอร์ 3 และ 4 ไปเจรจา และควรต้องจบ เพราะขณะนี้สถานการณ์ยืดเยื้อไปมาก และราคาข้าวก็ร่วงลงมา เพราะข้าวใหม่กำลังออกสู่ตลาด
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า สุดท้ายคณะกรรมการก็ต้องมาพิจารณา ต้องทำให้โปร่งใส เพราะมีกระแส ต้องเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย วีเอทฯ ติดปัญหาเรื่องทุนจดทะเบียน คณะกรรมการฯต้องกลับไปดูใหม่ ซึ่งพอสอบลงลึกลงไปมาก ๆ ทุกบริษัทจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆอยู่แล้ว
ส่วนตัวมองว่า ราคาที่เอกชนเสนอ ราคาค่อนข้างสูงและรัฐประโยชน์ วีเอทเสนอ 19.073 ทุกคนเสนอราคาดีหมด ไม่ว่าจะ 19 บาท 18 บาทของผม หรือเสนอ 16 บาท และรัฐพอใจเพราะได้ราคาดี ตั้งแต่ 14-15 บาท ราคาไม่น่ามีปัญหา แต่ที่ติด คือ กระแสโจมตีต่าง ๆ จากสังคม
ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้และต้องรอฟังกระทรวงพาณิชย์จะว่าอย่างไร ส่วนการเพิ่มราคาของบริษัท ฯขณะนี้ยังไม่ได้เสนอเพิ่มราคาข้าว และยังไม่ได้ข้าวล็อตนี้ ข้าวเก่า 10 ปี ปริมาณ 15,000 ตัน จากโครงการับจำนำข้าว ถือว่าน้อยมากหากเทียบเป็นเปอร์เซ็น คือ 0.0000001% แต่การที่สื่อเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สังคมสงสัย ทั้งๆ ที่ ก่อนหน้านั้น ข้าว 10 ล้านตัน รัฐเปิดประมูลยังไม่มีปัญหา ขายกิโล 4 บาท 5 บาท หรือ 11 บาท ก็ไม่เป็นข่าว ส่วนเรื่องเรื่องทุนจดทะเบียน ส่วนตัวมองว่า ในทีโออาร์ไม่ได้มีทีตรงไหนที่ห้าม ว่าจดทะเบียน 500,000 บาท หรือ 2,000,000 ล้านเข้าประมูล
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พาคณะสื่อมวลชน ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ส่งออก เซอร์เวเยอร์ ตรวจสอบข้าวและหุงข้าวโชว์ที่โกดัง ข้าว จ.สุรินทร์
ผู้ประกอบการรายหนึ่ง ในวงการค้าข้าว เปิดเผยว่า ได้ติดตามการประมูลข้าวมาอย่างต่อเนื่องการที่อคส.มีการตรวจคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูลถึง 2 รอบ มองว่า การประมูลรอบนี้ อคส.ทำงานหละหลวมมาก ตั้งแต่ตรวจสอบคุณสมบัติครั้งแรก ถ้าตรวจพบว่าคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ไม่ควรให้เอกชนมายื่นซองเสนอราคา เพราะเมื่อเปิดซองราคาได้ผู้ชนะ แล้วมายกเลิกเช่นนี้ เป็นการเสียเวลาของผู้เข้าร่วมประมูลและเสียชื่อเสียงที่ถูกสังคมจับจ้อง
ผู้ประกอบการ บอกอีกว่า การประมูลรอบนี้ มีปัญหาค่อนข้างมาก ทุกอย่างดูแปลกๆตั้งแต่ต้น การที่อคส.ผูกโยงว่า บริษัทผู้ประมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทมีปัญหาเป็นคดีความกับอคส. มองว่าไม่เป็นธรรม ถ้าบริษัทนิติบุคคลใดมีปัญหาก็ไม่ควรเหมารวม
วงการค้าข้าว เผย "ประมูลข้าวเก่า"งัดข้อ "การเมือง"
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวกับ “ไทยพีบีเอสออนไลน์” ว่า ตอนนี้ราคาข้าวในตลาดร่วงลงมา เพราะข้าวใหม่กำลังออกสู่ตลาด อย่าง ข้าวขาว 5 % ราคาเหลือ 19 บทต่อกก. ข้าวหอมมะลิใหม่ราคา 30-31 บาทต่อกก. ดังนั้นข้าวหอมมะลิที่นำออกมาประมูล เป็นข้าวค้าง 10ปี จะมาขายเป็นหอมมะลิไม่ได้เพราะคุณสมบัติเปลี่ยนไปหมด ถ้าจะขายต้องขายเป็นข้าวขาว หรือข้าวเก่า เพราะคุณสมบัติของข้าวหอมมะลิ เสื่อมสภาพหมดแล้ว
ไม่เหลือซากความเป็นข้าวหอม ยังไม่รวมค่าขัดสี ค่าขนส่ง ที่ต้องไปรับเอง ไม่เหมือนไปซื้อกับโรงสี ที่โรงสีต้องมาส่ง แต่ข้าว 10 ปี ต้องไปรับเอง แล้วนำมาปรับปรุงคุณภาพ เข้าเครื่องขัด ต้นทุนตรงนี้ อย่างน้อย ๆ กิโลละ 2 บาท เกินกว่าราคาประมูล ...ข้าวล็อตนี้จะไม่มีการส่งออก น่าจะผสมขายในประเทศหรือ หาก ส่งออกอาจจะแอบผสมเล็กน้อย
ส่วนการนำไปจำหน่ายในตลาดแอฟริกา ไม่ได้แน่นอน เนื่องจากคดีข้าว 10 ปี ดังมาก หากบริษัทรายใดนำไปขาย ก็จะถูกกาหัวในวงการค้าข้าวได้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่า สาเหตุที่วีเอทและธนสรรไรซ์ไม่ผ่านคุณสมบัติ เนื่องจากในอดีตทั้ง บริษัทสวัสดิ์ไพบูลย์และ ธนสรรไรซ์ ต่างมีปัญหาเรื่องรับจำนำข้าวที่เติบโตมาจากโครงการรับจำนำข้าว
"ประมูลข้าวรอบนี้ การเมืองล้วนๆ เพราะข้าวแค่ 15,000 ตัน แต่กระทรวงพาณิชย์ทำเป็นเรื่องใหญ่ เพื่อไทยขึงขัง ว่าเห็นหรือไม่ว่าข้าว 10 ปี ยังขายได้ 18-19 บาท แล้วสมัยคสช .เอาข้าวไปขาย เหลือกิโล 5 บาท -10 บาท ตรงนี้เป็นประเด็นว่า เหตุใดการประมูลข้าว ล็อตนี้ จึงมีปัญหา เพราะปกติการขายข้าวก็ทำแบบเงียบๆก็ขายได้ แต่นี้มีพาคณะใหญ่โตจัดชิมข้าว เอาสื่อไป 30-40 คน ทำเพื่ออะไร"
ใครจะคิดว่า "มหกรรมโชว์กินข้าว- ลงพื้นที่หุงข้าว" เพื่อนำเสนอข้าวเก่าเก็บ 10 ปี ว่า มีคุณภาพดี พร้อมนำออกจำหน่ายจะเกิดกระแสสวนกลับ และกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่มีฟีดแบ็ครุนแรงและสร้างความวุ่นวายไม่จบ หลังจากนี้ ต้องตามดูว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะหาทางลงที่เรียกว่า "จบสวย" ด้วยวิธีการใด
อ่านข่าว:
ส่องเกมยื้อประมูลข้าว 10 ปี "วีเอท" ส่อวืด "มะลิเก่า" 15,000 ตัน
จับตา ! ประมูลข้าว 10 ปี "ล้ม-ไม่ล้ม" โจทย์ใหญ่ ทำไมต้อง "ธนสรร ไรซ์"
เบื้องลึกประมูล "ฟอกข้าวเก่า 10 ปี" ยากปิดจ็อบ "ยิ่งลักษณ์" รับจำนำข้าว