วันนี้ (1 ก.ค.2567) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนติดตามความคืบหน้าคดีเรือขนน้ำมันเถื่อน ว่า มติในที่ประชุมพบว่ามีตำรวจ 3 นาย แบ่งเป็นตำรวจชั้นประทวน 2 นายและสารวัตรสถานี 1 นาย ทำผิดวินัยร้ายแรง
ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่งจะต้องรอให้การดำเนินการวินัยร้ายแรงเสร็จสิ้นก่อน ขณะที่ความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 ต้องให้ตำรวจน้ำเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับตำรวจชั้นประทวน 2 นายที่เฝ้าเรือ หลังพบความผิดบกพร่องต่อหน้าที่ไม่เข้าเวรยาม
ขณะที่แนวทางการสอบสวนที่กองปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ พบความเชื่อมโยงระหว่างคดีน้ำมันเถื่อนและคดีเรือน้ำมันเถื่อน ซึ่งทั้ง 2 คดีมีผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกันประมาณ 5 คน ซึ่งจะมอบหลักฐานการสอบสวนทั้งหมดให้กับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และอัยการ เพื่อออกหมายจับภายในสัปดาห์นี้
โดย 1 ในผู้ต้องหาที่จะถูกออกหมายจับมี "เสี่ยโจ้" รวมอยู่ด้วย หลังพบข้อมูลว่าได้หลบหนีไปประเทศกัมพูชา ส่วนการจับกุมเสี่ยโจ้จะต้องมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเจรจาและการประสานขอความช่วยเหลือจากประเทศกัมพูชา
สำหรับกรณีที่มีภาพแชทบทสนทนาระหว่างเสี่ยโจ้และนายตำรวจหลุดออกมานั้น ได้เรียก พ.ต.อ.วรเอก เข้ามาให้การแล้ว โดยยอมรับว่าตัวเองเป็นบุคคลในแชทดังกล่าวจริง ซึ่งแชทนี้เป็นการพูดคุยหลังจากจับเรือทั้ง 5 ลำ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์
ส่วนในแชทดังกล่าวมีการพูดถึงบุคคลอื่นๆ ยืนยันว่าทุกคนมีตัวตนอยู่จริง ทั้งผู้การเรือ "ส", รองสมพร และหนุ่ม เพชรบุรี ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ต้องตามตัวมาสอบปากคำมากที่สุด เพราะเป็นญาติกับเสี่ยโจ้ และเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเบื้องต้นได้ทำหนังสือเชิญตัวให้มาสอบปากคำแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ โดยหลังจากนี้จะส่งคณะทำงานลงพื้นที่ไปสอบปากคำ
อ่านข่าว
"บิ๊กโจ๊ก" ยังไม่ฟ้อง "นายกฯ-บิ๊กตำรวจ" ขอเช็กรายละเอียดก่อน
พฐ.หาปมไฟไหม้ 30 ร้านค้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์-เร่งเยียวยา
"อนุทิน" ยินดี "ชาญ" คว้านายก อบจ.ปทุมธานี ย้ำ ภท.ไม่เกี่ยว สว.