เหตุไฟไหม้อาคารซึ่งเป็นสถานที่ลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายจำนวนมากที่โรงงาน วิน โพรเสส ในชุมชนหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 และผ่านไปครบ 2 เดือนแล้ว แต่ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโรงงานในพื้นที่ กลับยังมองไม่เห็นสัญญาณใดๆเลยที่จะทำให้พวกเขาได้คุณภาพชีวิตที่ดีกลับคืนมา
"ชาวหนองพะวาต้องการเวที แต่ไม่ใช่เป็นเวทีที่ชาวบ้านจะต้องมาพูดเพื่อให้เห็นผลกระทบอะไรกันอีกแล้ว มันควรจะเป็นเวทีที่มีหน่วยงานต่างๆทุกหน่วยงานมานั่งตอบข้อสงสัยของชาวบ้านให้ชัดเจนไปเลยว่า เราจะอยู่กันต่อไปได้ยังไง"
สนิท มณีศรี หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากโรงงานวิน โพรเสส ยืนยันความต้องการด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
สนิท คือ ชาวหนองพะวา 1 ใน 15 คน ที่มีรายชื่อเป็นผู้ยื่นฟ้องโรงงานวิน โพรเสส ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบซึ่งไม่สามารถใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาทำการเกษตรในพื้นที่ของตัวเองได้ และศาลพิพากษาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2565 ให้โรงงานต้องจ่ายค่าชดเชยให้เขาเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท ซึ่งหากรวมเงินเยียวยาทั้งหมดที่โรงงานจะต้องจ่ายให้ชาวหนองพะวาทั้ง 15 คนรวมกัน จะมีมูลค่า 20.8 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครได้รับเงิน
โรงงานวิน โพรเสส เข้ามาตั้งที่หนองพะวาตั้งแต่ปี 2554 และมีปัญหาถูกร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ถูกขุดพบลักลอบฝังของเสียอันตรายเมื่อปี 2557 แต่กลับได้ใบอนุญาต 3 ใบในปี 2560 ซึ่งระหว่างนั้นชาวบ้านพบการลักลอบนำของเสียอันตรายเข้ามาทิ้งในโรงงานอย่างต่อเนื่อง มีทั้งถังสารเคมีขนาด 200 และ 1,000 ลิตร มีสารเคมีที่เป็นกรด กากตะกอนน้ำมัน
รวมทั้งพบกากตะกรันอลูมิเนียมด้วย แต่โรงงานกลับแทบไม่เคยถูกลงโทษใดๆจากอุตสาหกรรม จ.ระยอง จนกระทั่งกลายเป็นข่าวดังในช่วงกลางปี 2563 เมื่อสวนยางกว่า 36 ไร่ ของนายเทียบ สมานมิตร ที่อยู่ติดกับโรงงานยืนต้นตาย จึงนำมาสู่การตรวจสอบครั้งใหญ่ และโรงงานประกาศเลิกกิจการไปในปีเดียวกัน ... แต่ของเสียอันตรายทั้งหมด ยังถูกทิ้งไว้และสร้างผลกระทบต่อไปเช่นเดิม และมาเกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงในที่สุด
"ผ่านไป 2 เดือน ... พื้นที่เกิดเหตุยังอยู่เช่นเดิม ไม่มีใครเข้ามาจัดการเพื่อบรรเทาผลกระทบเลย" สนิท กล่าวถึง พื้นที่โรงงานที่กลายเป็นซากมลพิษกองใหญ่ท้าทายแดดฝนอยู่กลางชุมชนมานาน 2 เดือนแล้ว
แม้แต่กองกากตะกรันอลูมิเนียม หรือที่เรียกกันว่า อลูมิเนียมดอส ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายบอกตรงกันว่า เป็นสารอันตรายมากจึงต้องรีบนำไปกำจัดอย่างถูกต้อง เพราะหากปล่อยไว้กลางแจ้งเช่นนี้จะสร้างผลกระทบอย่างมาก และอาจติดไฟได้อีกเมื่อถูกน้ำ แต่หลังจากการขนย้ายอลูมิเนียมดอสบางส่วนไปที่ จ.ชลบุรี ถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่จนทำให้ต้องขนกลับมา ทำให้ทั้งส่วนที่ขนกลับมาอยู่ในถุงบิ๊กแบ็กและกองอลูมิเนียมดอสที่ยังอยู่ในซากโรงงาน ก็ยังถูกทิ้งไว้ในสภาพเดิม
"ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่เห็นแนวโน้มอะไรไปในทางที่ดีขึ้นเลย ซากกองอลูมิเนียมดอสในกองเถ้าถ่านที่โรงงานเป็นคำตอบที่เห็นชัดที่สุด ทุกคนบอกว่ามันอันตรายมาก จะทิ้งไว้ให้โดนแดดโดนฝนก็ไม่ดี แต่นี่ผ่านไป 2 เดือนแล้ว ส่วนที่ยังไม่ถูกตักลงบิ๊กแบ็กก็ยังกองอยู่เหมือนเดิม แค่จะตักไปใส่บิ๊กแบ็กแล้วขนไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยกว่านี้หรืออย่างน้อยก็ไปไว้ในจุดที่มีหลังคาคลุมก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาทำ ... นี่เป็นตัวอย่างว่าทำไมชาวบ้านจึงต้องการพบปะกับทุกหน่วยงานโดยตรง เพื่อขอโอกาสตั้งคำถามตรงๆ และขอฟังคำตอบตรงๆ"
จากการสอบถามความเห็นของชาวหนองพะวา สนิท ระบุว่า มีคำถามที่เป็นเรื่องใหญ่ๆอยู่ 3 ประเด็นซึ่งชาวหนองพะวาต้องการฟังคำตอบโดยตรงจากหน่วยงานโดยเร็ว คือ
ประเด็นที่ 1 ... กากของเสียอันตรายทั้งที่ถูกไฟไหม้ ในแหล่งน้ำ และที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน จะมีแนวทางในการกำจัดอย่างไร จะเริ่มเมื่อไหร่ ... ติดปัญหาเรื่องงบประมาณใช่หรือไม่ และจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ประเด็นที่ 2 ... กระบวนการชดเชยเยียวให้ชาวบหนองพะวาที่ได้รับผลกระทบ ทั้งงินที่ ควรจะต้องจ่ายให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 15 คน ค่าชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นมานานแล้วกับพืชผลทางการเกษตรและสิ่งแล้ว รวมถึงค่าชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากไฟไหม้โรงงานจะเป็นอย่างไร อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใดบ้าง
ประเด็นที่ 3 ... ชาวหนองพะวาในฐานะผู้ที่ต้องอยู่อาศัยโดยสัมผัสใกล้ชิดกับสารเคมีมาอย่างยาวนานทั้งทางตรง ทางอ้อม รวมถึงต้องอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้สารเคมี ทำให้หลายคนเกิดอาการป่วยที่ต้องสงสัยว่าเกิดจากการใกล้ชิดสารเคมีอันตรายหรือไม่ ควรได้รับการรักษอย่างไร หรือจะตรวจสอบและดูแลตัวเองได้อย่างไร
อยากมีเวทีที่ได้เจอและได้ซักถามโดยตรงกับทุกหน่วยงานครับ ทั้งกรมโรงงานฯ อุตสาห กรรมจังหวัด กระทรวงอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะคนที่จะให้คำตอบได้ว่า สรุปแล้วภาครัฐจะมีงบประมาณมาจัดการของเสียทั้ย มีงบประมาณมาเยียวยาผู้ได้รับผละกระทบมั้ย เราอยากรู้คำตอบให้ชัดๆไปเลย
"อีกส่วนหนึ่ง ชาวบ้านก็ยังต้องการซักถามโดยตรงกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตำรวจ เราก็อยากรู้ว่าคดีถึงไหนแล้ว หรือหน่วยงานอื่นๆที่อาจช่วยขยายผลทางคดีได้ ไม่ว่าจะเป็น DSI ป.ป.ช. หรือ ปปง. ถ้ามาร่วมเวทีด้วยได้ก็จะดีมากๆ"
"2 เดือนแล้วที่ไฟไหม้ กลุ่มรักษ์หนองพะวา คนหนองพะวา อยากให้มีเวทีที่ทุกหน่วยงานมาตอบคำถามของพวกเราอย่างตรงไปตรงมาครับ" สนิท กล่าว
อ่านข่าว
ประมงพื้นบ้านทำเอง สำรวจ "ทะเลระยอง" หลังน้ำมันรั่วปี 65
ทางตันกำจัดกากอันตราย "เอาเงินมาจากไหนดี" คำถามที่ไร้คำตอบ
รายงานโดย : สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา