พม.จับมือภาคี-เครือข่าย แก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไทย

สังคม
17 พ.ค. 67
13:00
245
Logo Thai PBS
พม.จับมือภาคี-เครือข่าย แก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พม.จับมือภาคี-เครือข่าย แก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไทย

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินี ซิลเวียแห่งสวีเดน เสด็จเปิดประชุมสัมมนาระดับประเทศ Child Protection Summit, Bangkok 2024 – พม. มท. ยธ. ลงนาม MOU ร่วมแก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2567 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พร้อมด้วย สมเด็จพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน ทรงเป็นประธาน เปิดการประชุมสัมมนาระดับประเทศ Child Protection Summit, Bangkok 2024 และพระราชทานพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าร่วม ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ กรุงเทพฯ

โดยมี คุณพอลล่า กิลเลต์ เดอ มองทูซ์ ผู้แทนมูลนิธิ World Childhood และคุณชเล วุทธานันท์ ประธานมูลนิธิพิทักษ์และคุ้มครองเด็ก และผู้บริหารกระทรวง พม. เฝ้ารับเสด็จ

นอกจากนี้ ยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศไทย ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวง พม. โดย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. ร่วมลงนาม

จากนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวสุนทรพจน์ ตอนหนึ่งว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ของประเทศไทย

อ่านข่าว : "พระพุทธรูปโบราณ" กับเส้นทาง-ความฝัน ที่จะผลักดัน “เชียงแสน” เป็นมรดกโลก

ในการนี้ ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่า จะสานต่อและต่อยอดความคิดริเริ่มของใต้ฝาละอองธุลีพระบาท เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับเด็ก ๆ ของเราทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ อีกทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ดำเนินงานตามสหประชาชาติโมเดล ที่มียุทธศาสตร์ในการต่อต้านความรุนแรงต่อเด็ก ที่พัฒนาโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างรัฐบาล ซึ่งมีพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร ทรงเป็นประธาน และได้รับการรับรองโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ.2557) ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปีของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็ก หรือ CRC

นายวราวุธ กล่าวว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการเพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน

ประกอบด้วย 1.การออกกฎหมายและพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองและพัฒนาอย่างเต็มที่ เนื่องจากกระทรวง พม. ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของครอบครัวและชุมชนในกระบวนการคุ้มครองเด็ก รวมถึงประเด็นเร่งด่วนของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก อาทิ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติคุ้มครองความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 และพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.2560

อ่านข่าว : คนการเมือง ร่วมรำลึก 32 ปี พฤษภาประชาธรรม 2535

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กได้มีการแก้ไขเพื่อพิจารณาความรับผิดชอบทั้งในแง่ของกลไกการป้องกันและการช่วยเหลือ และคาดว่าร่างกฎหมายการแก้ไขจะถูกส่งให้คณะรัฐมนตรีรับรองในเดือนมิ.ย.2567

2.การคุ้มครองเด็ก เรามีสถานสงเคราะห์และสถานรับเลี้ยงเด็ก สภาเด็กและเยาวชน รวมทั้งกองทุนคุ้มครองเด็ก ที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและปกป้องเด็กจากการทารุณกรรม ความรุนแรง และการแสวงผลประโยชน์ทุกรูปแบบ เรามีระบบคุ้มครองเด็กออนไลน์ร่วมกับศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) หรือ HuSec และสายด่วน พม.1300

นอกจากนี้ กระทรวง พม. ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานสหประชาชาติ และเครือข่ายต่าง ๆ อาทิ COPAT, Thailand Safe Internet Coalition, Safe Kids เป็นต้น ในการปกป้องเด็กจากอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตทุกประเภท โดยเฉพาะการทารุณกรรมทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ ในสื่อสังคมออนไลน์ เช่น TikTok และ Facebook

3.ปัจจุบันประชากรกำลังมีการเติบโตในอัตราที่ลดลง โดยมีอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำมากคือ 1.08 ในปี 2022 ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการขาดแคลนวัยแรงงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ และตนเชื่อว่าหลายประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านประชากรศาสตร์เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ในการรับมือกับวิกฤตินี้ ประเทศไทยได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม รวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศและสหประชาชาติ เช่น ยูนิเซฟ, UNDP, WHO, World Bank เป็นต้น ในการจัดทำยุทธศาสตร์ในการจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้

อ่านข่าว : "วันนอร์" ลั่นพร้อมหากรัฐบาลชงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ

นายวราวุธ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่ได้จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ มีชื่อว่า “5x5 ฝ่าวิกฤติประชากร” ประกอบด้วย 5 กลยุทธ์ และแต่ละกลยุทธ์ประกอบด้วย 5 มาตรการ ซึ่งในกลยุทธ์ที่สอง เราให้ความสำคัญของเด็กที่ต้องการให้เด็กที่เติบโตขึ้นมาคุณภาพ การหามาตรการในการปกป้องเด็กและทำให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ สามารถเพลิดเพลินกับวัยเด็กในขณะที่ได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมที่เพียงพอและเหมาะสม ซึ่งเป็นสาระสำคัญของกลยุทธ์นี้ และกลยุทธ์นี้ได้รับการรับรองจากคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงขึ้นจากวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเด็กซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ในระดับโลกรวมถึงผู้มีรายได้สูงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ทั้งนี้ ตามรายงาน “Climate-Changed Child Report” ที่เผยแพร่โดยยูนิเซฟ ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เด็ก 1 พันล้านคน จาก 2.2 พันล้านคนทั่วโลก มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ดังนั้นกระทรวง พม. ได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ ร่วมกันวางแผนเตรียมความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสร้างขีดความสามารถด้านความยืดหยุ่นและการปรับตัวสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่มีประเทศใดสามารถรับมือกับความท้าทายนี้เพียงลำพังได้ ทุกคนทุกประเทศต้องร่วมกันปกป้องเด็กและเพื่อเป็นอนาคตที่สำคัญของโลกต่อไป

อ่านข่าว : เณรน้อย 8 ขวบ สอบผ่าน สวด "ปาติโมกข์" รวดเดียวจบใน 55 นาที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง