วันนี้ (2 พ.ค.2567) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพราะเป็นแรงงานกลุ่มใหญ่ที่สุดมีจำนวนมากกว่า 20 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานในการประกอบอาชีพ มีหลักประกันสังคม มีความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกจ้างซึ่งทำงานบ้าน ซึ่งการคุ้มครองตามกฎหมายยังไม่ครอบคลุมและยังไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
อ่านข่าว : เพิ่มวงเงินรักษา 6.5 หมื่นบาท ลูกจ้างเจ็บป่วยจากการทำงาน
รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน จึงเร่งผลักดันกฎหมายให้ขยายความคุ้มครองให้ลูกจ้างซึ่งทำงานบ้านได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงาน ได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ.2567) ตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 30 เม.ย.2567 เพิ่มการคุ้มครองให้กับลูกจ้างซึ่งทำงานบ้าน 11 เรื่อง ได้แก่
1) มีเวลาทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน
2) มีเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
3) มีสิทธิลากิจธุระอันจำเป็น
4) ห้ามลูกจ้างหญิงมีครรภ์ทำงานเวลา 22.00 – 06.00 น. ทำล่วงเวลา หรือวันหยุด
5) ลูกจ้างหญิงลาคลอดได้ 98 วัน
6) ห้ามเลิกจ้างเพราะเหตุมีครรภ์
7) ให้นายจ้างแจ้งการใช้แรงงานเด็ก
8) ลูกจ้างเด็กมีสิทธิฝึกอบรมโดยได้รับค่าจ้าง 30 วัน
9) ลูกจ้างหญิงได้รับค่าจ้างลาคลอด 45 วัน
10) ห้ามนายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
11) ลูกจ้างได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งขณะนี้ มีผลบังคับใช้แล้ว
“เรามุ่งผลักดันกฎหมายให้ออกมาตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาและคุ้มครองแรงงานนอกระบบให้ตรงจุดที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันทางสังคมในการพัฒนาชีวิตคุณภาพแรงงานนอกระบบในมิติต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องแรงงานให้ดีขึ้นต่อไป” นายพิพัฒน์ กล่าว
อ่านข่าว :
เช็กเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน 2567 ระดับอนุบาล-ม.ปลาย
ถ้วนหน้า! "พิพัฒน์" ยืนยัน 1 ต.ค. ค่าแรง "400 บาท" ทั้งประเทศ