ก่อนจะมีการส่งข้อความให้ทราบทีหลัง หลังครม.ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้นายปานปรีย์ตัดสินใจทิ้งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศด้วย หลังถูกริบคืนเก้าอี้รองนายกฯ
เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องศักดิ์ศรี เพราะในประเทศที่เป็นมหาอำนาจหรือพัฒนาแล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ถือเป็นเก้าอี้ใหญ่สำคัญเบอร์ 2 รองจากนายกฯ หรือประธานาธิบดี และมักได้ดูแลความมั่นคงในประเทศและระดับนานาชาติ ต่างจากประเทศไทย ที่เก้าอี้เบอร์ 2 ที่จะแย่งชิงกัน คือ รัฐมนตรีมหาดไทย
นายปานปรีย์เติบโตในตระกูลนักการทูต ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ กระทั่งถึงนายปานปรีย์ที่จบปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากสหรัฐฯ และถือเป็นทายาททางการเมืองจากกลุ่มซอยราชครู ที่เคยโด่งดังในอดีต ด้วยเป็นหลานเขย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ผู้ก่อตั้งและอดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ซึ่งก็เคยเป็นนักการทูตเช่นเดียวกัน
เมื่อ “น้าชาติ” ถูกรัฐประหารบุกจี้ตัวบนเครื่องบินเมื่อปี 34 นายปานปรีย์ ซึ่งถูกดึงตัวมาช่วยงานที่ทำเนียบฯ ได้ตัดสินใจลาออกจากราชการ ไปอยู่ที่อังกฤษกับ “น้าชาติ” ระยะหนึ่ง ก่อนกลับประเทศไทย และต่อมาได้เป็นที่ปรึกษานายกฯ (พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ
ทำให้เชื่อว่า เขาซึมซับและรับรู้ความสำคัญของงานต่างประเทศและการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ในโมเดลของต่างประเทศ จึงได้เห็นบทบาทเรื่องบินด่วนไปประเทศกาตาร์และอียิปต์
เพื่อเจรจาให้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮามาส ปล่อยตัวแรงงานไทย ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในการสู้รบที่อิสราเอล รวมทั้งล่าสุด กรณีการสู้รบในเมียนมา ที่ได้เห็นบทบาทและการเดินทางไปชายแดนอ.แม่สอด ของนายปานปรีย์
ไม่เพียงถูกถอดจากตำแหน่งรองนายกฯ โดยไม่ได้รับการบอกกล่าวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานภาพการเป็นรองนายกฯ ดูแลด้านเศรษฐกิจ หรือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจใน ครม.ด้วย จึงได้เห็นถ้อยคำในหนังสือลาออก ที่ยื่นต่อนายกฯ เศรษฐา เชื่อว่าไม่ได้ถูกถอดออก เพราะไม่มีผลงาน
สำหรับกูรูทางการเมืองเชื่อว่า นายปานปรีย์ถูกริบเก้าอี้รองนายกฯ เพื่อส่งมอบให้นายพิชัย ชุณหวชิระ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ ที่จะขึ้นแท่นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาล เนื่องจากเป็นคนสายตรง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ที่มีบทบาทและอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย
อีกคนที่เชื่อกันว่า น่าจะมาจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” เคาะเลือกเช่นกัน คือ นายพิชิต ชื่นบาน อดีตหัวหน้าทีมทนายความของนายทักษิณ ในคดีซื้อขายที่ดินที่ดิน ถ.รัชดาภิเษก
และเคยตกเป็นข่าวดัง กรณีหิ้วถุงขนมใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ส่งผลให้ศาลมีคำสั่งจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล
เพราะใน ครม.เศรษฐา 1/1 นายพิชิตมีชื่อติดโผรัฐมนตรี เพื่อดูแลงานด้านกฎหมายให้กับรัฐบาล แต่เกิดกระแสต่อต้านและทวงถามถึงความเหมาะสม ทำให้พิชิตประกาศถอนตัวไม่รับตำแหน่งเอง แต่ครั้งนี้ยังมีรายชื่อในโผ ทั้งที่หากนายเศรษฐามีอำนาจเต็มในการพิจารณา คงจะไม่เลือกนายพิชิตอีก เป็นเหตุให้เกิด “งานเข้า” อีกรอบ ทั้งจากกลุ่ม คปท.นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล นัดรวมพลบุกยื่นหนังสือต่อ กกต. 30 เมษายน กล่าวหานายพิชิต ขาดคุณสมบัติ
นอกจากนี้ ยังมีนางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ที่เคยยื่นเรื่องคัดค้านดิจิทัลวอลเล็ต ได้ยื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้วินิจฉัย หรือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า
นายพิชิตขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีเคยถูกสภาทนายความ ถอดชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ 5 ปี ผลจากถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีถุงขนม
เท่ากับเป็นการ “เรียกแขก” เข้ารัฐบาลโดยตรง เพราะปรับครม.ทั้งที แทนที่จะดูดีและเป็นที่คาดหวังของผู้คน แต่กลายเป็นยุ่งอีรุงตุงนัง จนเป็น “ลิงแก้แห” ป่วนไปทั้ง ครม.
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าว : เปิดประวัติ "มาริษ เสงี่ยมพงษ์" รมว.บัวแก้วคนล่าสุด
ปรับ "ปานปรีย์" ตั้ง "พิชิต" ได้ไม่คุ้มเสีย จับตาคลื่นใต้น้ำ สธ.