- วันแรงงานแห่งชาติ การต่อสู้จากคนทำงาน 18 ชม. เหลือ 8 ชม./วัน
- 1 พ.ค. "วันแรงงาน" ใครบ้างที่ต้องหยุดใน "วันบังคับหยุด"
วันนี้ (30 เม.ย.2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อ 28 พ.ย.2566 อนุมัติปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ สำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โดยมีเป้าหมายให้ผู้ที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับปริญญาตรีจะมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 18,000 บาท และผู้ที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ใช้คุณวุฒิระดับ ปวช. จะมีเงินเดือนไม่น้อยกว่า 11,000 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปี
วันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.) คือวันที่มติดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นวันแรก
นอกจากดูแลข้าราชการแรกเข้าแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญดูแลข้าราชการที่เกษียณและได้รับเบี้ยหวัดบำนาญอีกด้วย โดยครม.ยังได้ออกพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2567ซึ่งประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา
โดยมีสาระสำคัญคือการปรับปรุงอัตราเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ เพื่อกำหนดให้ผู้ได้รับ หรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญแล้วต่ำกว่า เดือนละ 11,000 บาท ให้ได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเพิ่มขึ้นตามอัตราที่กำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยจะมีผลในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เช่นเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราช การพลเรือน (ก.พ.) มีความพร้อม 100% และได้มีหนังสือแจ้งเวียนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ และการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบให้ส่วนราชการต่าง ๆ ทราบแล้ว ตามหนังสือที่ นร. 1012.3/ว 9 ลงวันที่ 9 เม.ย.2567
ทั้งนี้ หากหน่วยงานใด ดำเนินการปรับไม่ทัน การปรับขึ้นเงินเดือนจะให้มีผลย้อนหลัง รวมถึงได้มีการประสานกับสำนักงบประมาณ และกรมบัญชีกลางไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ข้าราชการและผู้ได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญ มั่นใจได้ว่าการปรับขึ้นเงินเดือนครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยแน่นอน
การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุข้าราชการนั้น ก็เพื่อดึงดูดบุคลากรคุณภาพเข้าสู่ระบบราชการเพื่อให้ระบบราชการของไทยมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นอกจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุข้าราชการแล้ว รัฐบาลยังคงคำนึงถึงผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญที่จะต้องดำรงชีพอยู่ได้ในสภาพเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน จึงได้ปรับเพิ่มเงินเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต และจะส่งผลให้ความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน
อ่านข่าว : กากแคดเมียมชุดแรก จากสมุทรสาคร-กทม. 258 ตัน ถึง จ.ตาก