วันนี้ (29 เม.ย.2567) รายงานข่าวจากเว็บไซต์ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงแรงหลุด 2,300 ดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลชั่วคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐ Core PCE พื้นฐานของสหรัฐที่เปิดเผยออกมาวันศุกร์ได้สะท้อนถึงเงินเฟ้อยังคงอยู่สูง จึงอาจเป็นปัจจัยทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงนานขึ้น ซึ่งอาจกดดันต่อราคาทองคำในระยะต่อไป
ทั้งนี้อาจมีคำถามว่า ทองคำหมดเสน่ห์แล้วหรือยัง? ซึ่งยังคงยืนยันว่าทองคำยังคงมีความน่าสนใจในระยะยาว หากพิจารณาการลงทุนทองคำในเชิงระยะยาวนั้น ในปีนี้ทองคำโลกให้ผลตอบแทนถึง 13.34% ส่วนทองคำแท่งในประเทศให้ผลตอบแทนถึง 21.69%
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนทองคำ พบว่า ผลตอบแทนของราคาทองคำโลกเฉลี่ย 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.1% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี 10 ปี 20 ปี และ 26 ปี ให้ผลตอบแทน 10.5% 6.1% 9.4% และ 8.8% ตามลำดับ ส่วนผลตอบแทนของราคาทองคำไทยเฉลี่ย 3 ปีให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.9% ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี 10 ปี 20 ปี และ 26 ปี ให้ผลตอบแทน 11.5% 6.3% 8.2% และ 7.3% ตามลำดับ
ผลตอบแทนของทองคำค่อนข้างให้ผลตอบแทนที่ดี และน่าสนใจไปกว่านั้นคือผลตอบแทนเป็นบวกหมด ซึ่งก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า การลงทุนทองคำยังคงน่าสนใจในเชิงระยะยาว
“ฮั่วเซ่งเฮง” ระบุว่า ระยะสั้นราคาทองคำอาจปรับตัวลงได้ โดยดอกเบี้ยสหรัฐที่อยู่สูงนานกว่าคาด อาจจะกดดันตลาดทองคำในระยะสั้นโดยการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ยังคงคาดว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยระดับเท่าเดิม และอาจจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยอาจเลื่อนออกไปนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ตลาดมีมุมมองการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. จากเดิมที่เคยคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งเท่านั้นในปีนี้ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมุมมองของนักลงทุนมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ขึ้นกับตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่เปิดเผยออกมาในแต่ละสัปดาห์
การที่เฟดมีแนวโน้มที่จะตรึงดอกเบี้ยที่สูงนานขึ้น อาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงมาได้ในระยะสั้น
ทั้งนี้ทองคำจะลดความน่าสนใจหรือไม่ คำตอบคือ อาจไม่ในระยะยาว เพราะหากพิจารณาอีกหนึ่งทฤษฎี คือ กฎเทย์เลอร์ (Taylor’s Rule) ได้มีการนำใช้ในการคาดการณ์หาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ จะพบว่า เส้นที่คำนวณได้จากกฎเทย์เลอร์ เริ่มปรับตัวลงแล้วทุกเส้น
อ่านข่าว : ราคาทองเช้านี้ เปิดตลาด บวก 150 บาท แนะรอซื้อเก็งกำไรทองแท่ง
ขณะที่เส้นสีน้ำเงินซึ่งเป็นเส้น Actual Fed Fund Rate ยังคงปรับตัวขึ้น และยังไม่ได้มีการปรับตัวลง โดยปกติแล้วเส้นดังกล่าวจะคล้อยตามกัน นั่นก็แสดงว่าอีกไม่นาน อย่างไรแล้วเฟดก็จะต้องเริ่มลดดอกเบี้ยลง ทองคำจึงยังคงน่าสนใจ
ทั้งนี้ราคาทองคำเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,350-2,355 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านได้ ทำให้มีแรงเทขายออกมา ทั้งนี้คาดว่าการฟื้นตัวของราคาทองคำมีกรอบจำกัด และคาดว่าราคาทองคำอาจชะลอการปรับตัวลง จึงอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ
นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนเม.ย. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,325 ดอลลาร์ และ 2,300 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,350 ดอลลาร์ และ 2,380 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,500 บาท และ 40,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,200 บาท และ 41,500 บาท
สำหรับราคาทองเปิดตลาด ลบ 150 บาท ก่อนกลับมาบวก 50บาท (ครั้งที่3) ทำให้ภาพรวมเปิดตลาดเช้านี้ราคาทองติดลบ 100 บาท โดยราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 40,800 บาท และราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 40,700 บาท ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 41,300 บาท และราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 39,961.76 บาท ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) อยู่ที่ 2,326 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 37.04 บาทต่อดอลลาร์
อ่านข่าว : รอบที่ 2! “ไข่ไก่” ปรับราคาขึ้นอีกแผงละ 6 บาท มีผล 29 เม.ย.นี้
อากาศร้อน "ผักแพง" พาณิชย์ ลดค่าครองชีพ ขนผักราคาถูกขายทั่วกทม.