เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2567 ทั้งกลุ่มควันสีดำ และเสียงระเบิดดัง เริ่มปะทะเดือดรุนแรงอีกครั้ง ตั้งแต่ 06.00 น. เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.) และยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ใกล้พื้นที่สะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) บ้านเยปู่ อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1.5 กิโลเมตร
โดยการโจมตีครั้งนี้มีการใช้โดรนทิ้งระเบิดฝ่ายทหารเมียนมา เช่นเดียวกับทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดหลายรอบ รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์กันชิฟ ยิงใส่ฝ่ายต่อต้านอย่างหนัก การสู้รบทั้ง 2 ฝ่ายทำให้มีการสูญเสีย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังมีการโจมตีกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง "กะเหรี่ยงเคเอ็นยู" กับ "ทหารเมียนมา"
ทำให้ชาวเมียนมา ยังคงอพยพหนีภัยความไม่สงบ นั่งเรือข้ามแม่น้ำเมย เข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บ้านวังตะเคียนใต้กว่า 2,000 คน โดยมีหน่วยงานความมั่นคงของไทย และหลายหน่วยงานคอยช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม จัดจุดปลอดภัยให้อาศัยชั่วคราว
จากการประเมินของฝ่ายความมั่นคง หากการสู้รบในพื้นที่ยังรุนแรงและยืดเยื้อ เชื่อว่าจะมีชาวเมียนมา หนีภัยสู้รบเข้ามาเขตไทยมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องติดตาม สถานการณ์และประเมินอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะไม่ให้ส่งผลกระทบกับราษฎรชาวไทย
อ่านข่าว :
- กะเหรี่ยง ยิงระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ใกล้สะพานมิตรภาพแห่งที่2
- ฝ่ายต่อต้านจับ "ทหารเมียนมา" ในรัฐคาเรนนี 56 นาย
- ประเมินผลกระทบสู้รบ "เมียนมา-กะเหรี่ยง" ใน จ.เมียวดี
นายกฯ ลงพื้นที่แม่สอด 23 เม.ย.นี้ สั่งทุกหน่วยรับมือ
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อภาพผ่านเฟซบุ๊ก 2 ครั้ง ระบุว่าจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณสะพานมิตรภาพ 2 ฝั่งเมียนมา ซึ่งในเบื้องต้นได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว
และหลังจากการประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 23 เม.ย.2567 ที่จะถึงนี้จะเดินทางไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ กำลังพลด้านความมั่นคง และรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวม พร้อมไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนในพื้นที่และติดตามการค้าชายแดนด้วย
ย้ำว่า ไม่ต้องการให้การสู้รบมีผลกระทบ ต่อดินแดนของไทย พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหากมีความกรณีจำเป็น และขณะเดียวกัน ก็พร้อมปกป้องความปลอดภัยของพี่น้องคนไทย
อ่านข่าว :