วันนี้ (17 เม.ย.2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดอายัดเงินสดจำนวน 80 ล้านบาท เป็นของกลางบางส่วน ได้จากผู้ต้องหาเครือข่าย อาชญากรข้ามชาติ ที่มีพฤติกรรมชักชวนผู้เสียหาย ให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้ทั้ง ชาวจีน สิงคโปร์ รวมทั้งคนไทย รวม 4 คน ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ชลบุรี กรุงเทพมหานคร และตาก โดย 2 คนไทย จะทำหน้าที่ฟอกเงิน ฝากทรัพย์สินดิจิทัล และเป็นเจ้าของบัญชี
ส่วนคนจีนคือผู้รับผลประโยชน์ และชาวสิงคโปร์ ทำหน้าที่ว่าจ้างเปิดบัญชีนิติบุคคล และบริหารจัดการทรัพย์สิน จากการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 26 คน โดยเจ้าหน้าเข้าทำการตรวจค้น 72 จุด ทั่วประเทศ
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เปิดเผยถึง จุดเริ่มต้นของคดี ว่าพบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญ มีผลประกอบการไม่สอดคล้องกับการประกอบอาชีพที่ผิดปกติ จึงทำการสืบสวนและขยายผล
สำหรับกลุ่มผู้ต้องหา ก่อเหตุโดยใช้วิธีการสุ่มติดต่อหาประชาชน ผ่านสื่อโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม ก่อนจะชักชวนพูดคุยให้เกิดความน่าเชื่อถือ สอนการลงทุน เทรดคริปโตเคอเรนซี อ้างว่าจะได้ผลกำไรสูง โดยใช้บัญชีม้าเป็นช่องทางโอนเงินเข้าไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหา
เมื่อสามารถหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมาได้ ก็จะนำเงินไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สิน เช่น บ้าน รถหรู และเปิดบริษัท ทำธุรกิจบังหน้า กระจายไปหลายช่องทาง
นอกจากนี้กลุ่มผู้ต้องหา ยังได้นำเงินไปฟอกเงิน ที่อยู่ในรูปแบบขบวนการ พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซนเตอร์ และไปยังกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอีกด้วย พบเงินหมุนเวียนของเครือข่ายนี้กว่า 30,000 ล้านบาท
แนวทางการสืบสวน พบเส้นทางการทำธุรกรรมจากนายซู ผู้ต้องหาชาวสัญชาติจีน และนำไปสู่ขยายผล อายัดบัญชีเงินฝาก 40 ล้านบาท อายัดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล ประมาณ 150 ล้านบาท รวมมูลค่า 252 ล้านบาท
ส่วนทรัพย์สินจะนำไปเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ที่เคยร้องเรียนขอเรียกทรัพย์คืนไปก่อนหน้านี้ เจ้าของทรัพย์ต้องมาชี้แจง กับเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกอายัดหรือไม่ หากใช่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาสั่งคืนทรัพย์สินให้ ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
เบื้องต้นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันมีส่วนร่วมอาชญากรข้ามชาติ และร่วมกันฟอกเงิน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
นายวิทยา นิติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง. เปิดเผยถึง การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหารือ โดยเฉพาะมาตรการป้องกันการเปิดบัญชีม้า อาจจะต้องเพิ่มกลไกในการตรวจสอบ และเปิดบัญชีให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
อ่านข่าวอื่น :