กรณีกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนว่า บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ตาก ขายกากแร่สังกะสี และกากแร่แคดเมียมที่ฝังกลบใน จ.ตาก ขายให้กับบริษัทหนึ่งตั้งอยู่ใน จ.สมุทรสาคร กว่า 10,000 ตัน และเป็นสารก่อมะเร็ง
วันนี้ (4 เม.ย.2567) นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบมีกากแร่แคดเมียม 15,000 ตัน
จากการตรวจสอบพบกากสังกะสีและแคดเมียม บรรจุในถุงบิ๊กแบ๊กขนาดใหญ่ จัดเก็บไว้ใน 2 อาคาร จำนวนกว่า 1,000 ถุง และบริเวณด้านนอกอาคารอีกจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ พร้อมสั่งปิดการใช้งานอาคาร ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่เด็ดขาด และแจ้งให้ผู้ประกอบการดำเนินการขนย้ายกากสังกะสีและแคดเมียมออกจากพื้นที่ ภายใน 7 วัน
สั่งห้ามบุคคลเข้าในพื้นที่เด็ดขาดและสั่งให้นำออกจากจ.สมุทรสาคร ภายใน 7 วัน ไปยังต้นทางและต้องห้ามนำแร่ออกจากถุงอย่างเด็ดขาด
พนักงานให้ข้อมูลว่า บริษัทขนย้ายกากแคดเมียมและสังกะสี มาเก็บไว้ในพื้นที่ ตั้งแต่เดือน ส.ค.2566 ใช้เวลาขนย้าย 3 เดือน อ้างว่ายังไม่มีการนำกากแคดเมียมและสังกะสี เข้าสู่กระบวนการหลอมแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา กับบริษัทกำจัดกากอุตสาหกรรม คือ ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บกากอุตสาหกรรมไม่เป็นไปตามที่แจ้งไว้ เพราะบริษัทแห่งนี้ ขออนุญาตหลอมอลูมิเนียม แต่ไม่มีใบอนุญาต หลอมแคดเมียม
อายัด-สั่งย้ายกลับไปที่ต้นทางภายใน 7 วัน
ด้านนายพุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่า กากแคดเมียมที่ถูกขนย้ายมา เป็นกากอุตสาหกรรมที่เหลือจากกระบวนการถลุงแร่สังกะสี ของบริษัทแห่งหนึ่ง ใน จ.ตาก โดยมีการทำ EIA ให้ฝังกลบแบบถาวรภายในบ่อซีเมนต์ ซึ่งทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะนี้ยังไม่พบรายงานผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งกากแคดเมียมและสังกะสี หากอยู่ในสถานะแข็งตัว และเก็บไว้ในสถานที่มิดชิด และไม่มีการชำระล้าง จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม