วันนี้ (3 เม.ย.2567) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 (นายชัยธวัช ตุลาธน กับคณะ จำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ)
อ่านข่าว : สภาฯ หารือ 3 ฝ่าย ยืนยันฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง รัฐบาล 6 ชั่วโมง ไม่ขยายเป็น 3 วัน
ก่อนการประชุมวิป 3 ฝ่าย ได้หารือและได้ข้อสรุปจะทำการประชุมเป็นระยะเวลา 2 วัน คือ วันที่ 3-4 เม.ย.2567 ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 22 ชั่วโมง ตามเดิม ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลจากเดิมกำหนดไว้ 8 ชั่วโมง ปรับเป็นไม่ได้กำหนดกรอบเวลาแต่ขึ้นอยู่กับการชี้แจงการอภิปรายจนสิ้นข้อสงสัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจประธานสภา และรัฐมนตรี ทั้งนี้ในวันที่ 3 เม.ย.จะอภิปรายถึงเวลา 01.00 น. และในวันที่ 23.00 น.จะอภิปรายถึงเวลา 23.00 น.

นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน
นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้าน
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน กล่าวเปิดการอภิปรายว่า รัฐบาลทำงานมาแล้ว 6 เดือน แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ขาดประสิทธิภาพ
ยังไม่มีการขับเคลื่อนหรือแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง รวมถึงการแก้ไขหลักนิติธรรม ที่จากยุทธศาสตร์และแก้ไขได้ตรงเป้าหมาย
นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ยังมีพฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่นและปล่อยปละละเลย ให้มีผู้เอารัดเอาเปรียบประชาชน และเกิดการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย แทนที่จะฟื้นฟูหลักนิติธรรม นิติรัฐ และเลือกปฏิบัติ ทำลายหลักความเสมอภาค ทางกฎหมายและการเมือง
การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ยังไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทของไทยในเวทีนานาชาติได้ ดังนั้นด้วยเหตุผลข้างต้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องอภิปรายสอบถามข้อเท็จจริงต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ของประชาชน
หลังการเลือกตั้งเราต่างหวังว่า จะได้ผู้นำประเทศที่ต่างจากผู้นำหลังรัฐประหาร แต่เรากลับได้นายกฯ ที่ไร้วุฒิภาวะไปอีกแบบ ขาดภาวะผู้นำในการสร้างความเชื่อมัน ในความชัดเจนของรัฐบาล ซ้ำร้ายมีวิธีคิดจัดตั้งรัฐมนตรีแบบเดิม จัดตั้งตามโควตา แทนการจัดสรรบุคลาการที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละกระทรวง
หลังการบริหารประเทศมากว่าครึ่งปี หวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เห็นการดำเนินนโยบายที่สับสน คิดไปทำไป นโยบายเรือธงขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
แทนที่ประชาชนจะได้เห็นการบริหารแผ่นดิน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนลืมตาอ้าปาก อย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นธรรม กลับเห็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจที่ผูกขาด เอื้อประโยชน์ทุนใหญ่
ประชาชนไม่เข้าใจว่า จะเอาอย่างไรกับการเมืองกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหากสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญแบบใหม่เสร็จ แต่อาจได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ประชาชนคาดหวังการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ตามที่รัฐบาลแถลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพบวิกฤตศรัทธา ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน รวมถึงในระบบราชการที่เต็มไปด้วยระบบตั๋ว ระบบส่วย จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจในกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน
ท่านไม่ต้องพูดว่า ถ้าไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะประชาชนต้องการอยู่ในระบบเดียวกัน ประเทศเดียวกัน ที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน ในกฎหมายฉบับเดียวกัน
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ประชาชนอยากเห็นระบบการเมือง ที่นำพาชาติไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เจอคือ ประชาธิปไตยแบบไหลย้อนหลัง ที่ผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ผู้นำทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจ ผูกขาดอำนาจทางการเมืองแก่ผู้มีอิทธิพลไม่กี่กลุ่ม ทำให้เกิดสภาวะการเมืองที่ไม่ตอบสนองความต้องการแบบใหม่ของประชาชนได้
นายกฯ ย้ำ พร้อมชี้แจงทุกข้อสงสัย ทำงานหนัก 7 เดือน
จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงว่า มีความยินดี หากมีประเด็นไหนที่ไม่ชัดเจน ก็พร้อมจะให้ความกระจ่าง หากมีข้อเสนอแนะ และบางอันก็เชื่อว่า จะนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและในเวลา 2 วัน จะพูดคุยกันอย่างสร้างสรรทำให้ประชาชนได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
เริ่มต้นก็พูดแรงพอสมควรทั้ง สิ้นหวัง ล้มเหลว ปฏิรูป ถอยหลัง ทำลาย แต่ก็มีอีกด้านคือ มีหวัง พัฒนา ก้าวหน้า เราก็เดินหน้าไปบอกว่า ปิดบัง เราก็โปร่งใส หลายอย่างที่รัฐบาลพยายามทำเป็นเรื่องบวก เป็นเรื่องของแสงสว่าง หากยังมีเรื่องกังขา ก็ขอให้บอกมา รัฐมนตรี พร้อมชี้แจงหลังทำงานมา 6 เดือน และสภาฯเพิ่งอนุมัติงบฯไป เชื่อมั่นว่า ทำงานอย่างซื่อสัตย์ โปร่งใส และพร้อมชี้แจง
นายเศรษฐายังชี้แจงกรณีหนี้สิน โดยตั้งคณะทำงานดูแลหนี้นอกระบบ เรื่องพลังงานก็ดูแลราคาน้ำมันเบนซิน ค่าไฟ ค่าน้ำมันดีเซล ซึ่งก็จะมีขั้นตอนในการทำงานต่อไป ไม่ได้เพิกเฉย ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และยาเสพติดมีคณะทำงานที่ทำโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยที่ผ่านมาไตรมาส 4 จับยาบ้ามากว่าปีก่อนทั้งปี ซึ่งเห็นว่ากวดขันเป็นอย่างดี
อ่านข่าว : "จุลพันธ์" ยืนยันประเทศไทยมี "เศรษฐา" เป็นนายกฯ คนเดียว
ขณะที่การท่องเที่ยวสร้างรายได้มีวีซ่าฟรี ทั้งไทยและจีนที่เดินหน้าทำให้การค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวดีขึ้น ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รองนายกฯก็เดินทางไปหลายประเทศ เพื่อให้พาสปอร์ตไทยมีพลังมากขึ้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง
รายได้เกษตรกร ตระหนักดี เพราะมี สส.314 เสียง ทุกคนเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเราพร้อมรับฟัง กรณีราคายางจาก 30 บาท ไปเกือบ 100 บาท ราคาข้าวก็สูง พืชผลอื่นก็ดี ไม่มีการประท้วง กระทรวงพาณิชย์ก็พยายามไปเปิดตลาดใหม่ กำหนดเกณฑ์การประเมิน ทูตพาณิชย์มาทำงานอย่างบูรณาการเพื่อให้ราคาพืชผลดีขึ้น
กรณีฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลเสนอเข้าสภาฯ พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม้ จ.เชียงใหม่ จะยังอากาศไม่ดี แต่เมื่อเปรียบเทียบจำนวนจุดความร้อนก็ลดลง ซึ่งให้ความสำคัญของประชาชนทุกคน
การมีตัวตนในเวทีโลก ผมเดินทางไปบ่อยรวมเกือบ 10 กว่าครั้ง โดยการเดินทางกว่าครึ่ง คือ ควรต้องไป ทั้งเวทีอาเซียน และเราเป็นน้องใหม่เพิ่งรับตำแหน่ง ต้องไปพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบาย เพื่อให้ไทยมีตัวตนในเวทีโลก ซึ่งการไปแต่ละครั้งมีคุณภาพ รวมถึงการเจรจา FTA เพื่อยกระดับชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาเพราะเพิ่งเขามาแค่ 7 เดือน
ข้อกล่าวหาก็ขอหลักฐานและเหตุผล หลังการเลือกตั้งการสู่ประชาธิปไตยดีขึ้น รัฐมนตรีทุกคนพร้อมให้ความกระจ่าง กรณีการกล่าวโทษ ก็ขอหลักฐานมาด้วยเพื่อการทำงาน
อ่านข่าว : ป.ป.ช.ยัน รร.ในขอนแก่น “เก็บแป๊ะเจี๊ยะ” จริง ชี้พิรุธตั้งแต่รับสมัคร-รายงานตัว
สภาฯ หารือ 3 ฝ่าย ยืนยันฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง รัฐบาล 6 ชั่วโมง ไม่ขยายเป็น 3 วัน