จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย อดีต รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า อยากให้นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติด
นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด แต่มีคนส่งไลน์มาให้ดู ซึ่งการรายงานข่าวครั้งนี้ อาจจะต้องมีการถอดเทปดูอีกครั้ง เพราะรัฐบาลชุดนี้มีนโยบายกัญชาเพื่อทางการแพทย์ เศรษฐกิจ และใช้เพื่อวิจัยพัฒนา โดยอยู่ในนโยบายที่นายกฯได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งถือว่ามีความชัดเจน
หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงในเรื่องของนโยบาย อาจจะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้ เช่น กฎกระทรวงสาธารณสุข ประกาศจากกรมการแพทย์แผนไทย ที่ระบุถึงการใช้กัญชาอย่างถูกวิธี บัญชีการใช้ยาหลักแห่งชาติ ที่ได้บรรจุยาที่มีส่วนผสมของกัญชงกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแล้ว
มติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ชุดใหญ่ รวมถึงอาจจะต้องเยียวยาผู้ที่ใช้กฎระเบียบ กฎหมายเหล่านั้น ทั้งการปลูก การลงทุน และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตตามภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายต่างๆ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนไม่ได้กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ขอยืนยันว่า กัญชงกัญชา ถ้าใช้อย่างถูกวิธีจะมีประโยชน์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ มีคนได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อย่างเช่น ประเทศเยอรมัน และอีกหลายประเทศที่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์ ที่เค้ายอมรับในการใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์ ไม่ได้ใช้ในเชิงสันทนาการ
ทางด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร เพราะจริงๆ กฎหมายที่ออกมา ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงโดยนายกฯ ที่ระบุว่า กัญชาจะนำมาใช้กรณีทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องกระท่อมกับกัญชามีความแตกต่างกัน กระท่อมมีกฎหมายรองรับ และมีอนุบัญญัติมาอธิบายแต่ละมาตราได้
ตนได้ประชุมเกี่ยวกับกระท่อมและพืชสมุนไพรเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพืชสมุนไพรถ้าไม่รวมกระท่อม สามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ 2,000-4,000 ล้านบาท แต่ถ้าเอากระท่อมเข้าไปรวมในพืชสมุนไพรด้วย โดยทำให้ถูกต้องครบถ้วน คาดว่าจะมีรายได้นับหมื่นล้านบาทกับประเทศไทย
ส่วนกัญชายังไม่มีกฎหมายรองรับ การประกาศกัญชาเป็นพืชหรือสิ่งอื่น เราปลดล็อกออกจากประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่เมื่อปลดล็อกยังไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องไปยืมเอากฎหมายอื่น เช่น พืชสมุนไพรตัวอื่นมาประกาศใช้บังคับ ซึ่งมันไม่ครบถ้วนกระบวนความ ทางที่ดีที่สุดการจะปลดล็อกหรือไม่ปลดล็อกจะต้องทำให้ครบ
หากยังก้ำกึ่งอยู่แบบนี้ ก็ต้องมีกฎหมายว่า จะต้องให้กฎหมายนั้นบัญญัติอะไรไว้อย่างไร ถ้ามาพูดกันลอยๆ แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ น่าขำ เพราะมันไม่มีกฎหมายรองรับ ต้องไปทำให้จริงจัง ต้องทำให้มีกฎหมายเป็นตัวเป็นตน
ลองไปคิดดูขนาดกระท่อมตัวเล็กๆ ยังมีกฎหมายรองรับแล้ว ซึ่งมันคนละเรื่องเลยกับกัญชา
อ่านข่าว : จับแล้ว! "พี่ด้วน" ลิงตัวตึงลพบุรี-อุทยานฯ ตั้งศูนย์จับจ๋อ