สร้างมิติใหม่ การเมืองไร้รอยต่อ (seamless politics) ทำเอาแฟนคลับพรรคสีฟ้า ระส่ำ เมื่อเกิดข่าวลือสะพัดว่า “เสี่ยจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีต สส. 6 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะย้ายไปซบอกพรรคเพื่อไทย (พท.) หลังมีข่าวไปหารือกับ “บิ๊กทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทำเอาเจ้าตัวนั่งไม่ติดต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงว่า ไม่ได้ย้ายพรรค แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมการเมือง ที่พรรคการเมือง หรือนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคทำงานร่วมมือกันได้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยก้าวข้ามความแตกต่างทางการเมือง หรือการแข่งขันทางการเมือง
อ่าน : เส้นทางคู่ขนาน “บิ๊กโจ๊ก- ก้าวไกล “อยู่ใต้ดวงอาทิตย์ ใยต้องกลัวความร้อน
เสี่ยจ้อน “อลงกรณ์” ยังระบุอีกว่า ผู้ว่าฯชัชชาติก็มีแนวความคิด ความเชื่อเช่นเดียวกับตนเรื่องการเมืองที่ไร้รอยต่อ และยังพูดถึงความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เยเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI-ปัญญาประดิษฐ์) ในระบบ AI Classroom และความร่วมมือในโครงการกรุงเทพฯสีเขียว 2030 (Green Bangkok 2030) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและคุณภาพของเมืองหลวงของประเทศ
นายอลงกรณ์ พลบุตร
“เหรียญมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งคือการแข่งขัน อีกด้านหนึ่งคือความร่วมมือ ...อยากเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบนี้ เป็นรากฐานใหม่ของการเมืองไทย” อดีตรองหัวหน้าพรรคค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว
ขณะที่ “เทพไท แสนพงศ์” อดีต สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ค่าย ปชป. หลังจากวางมือทางการเมือง หันมาเอาดีทางการแต่งเพลง-ร้องเพลง เปลี่ยนฉายา “เทพไท จับไมค์ร้องเพลง” แต่ยังคงวิพากษ์วิจารณ์การเมืองดุเดือด ไม่แพ้บทเพลงที่ประพันธ์ออกมา ล่าสุดออกมาโพสต์เรื่อง “ระบอบทักษิณ สู้ไปก็ไม่ชนะ แต่ก็จะสู้ต่อไป” หลังเกิดเหตุการณ์ทริปออนทัวร์ “ทักษิณ ชินวัตร” ปิ๊กบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เทพไท ระบุตอนหนึ่งว่า เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่ม คปท.และมวลชนที่รักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐนิติธรรมของบ้านเมือง กดดันให้มีการถอนการพักโทษ “ทักษิณ” และต้องการให้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ...จึงอยากให้กำลังใจ
แม้สถานการณ์ในตอนนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมวางเฉย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่อยากเผชิญหน้ากับระบอบทักษิณอีกแล้ว ก็ไม่เป็นไร คนที่ยังมีจุดยืนมั่นคง มุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับระบอบทักษิณต่อไป ก็ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด ก็ขอให้ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป
นายเทพไท แสนพงศ์
...ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครเอาผิดกลุ่มคนเหล่านี้ได้ การเคลื่อนไหวเพื่อที่จะเอาผิดผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ผู้บริหารกรมคุมประพฤติ ที่ช่วยเหลือทักษิณนั้น เชื่อว่า ในที่สุดก็ไม่สามารถ เอาผิดใครได้ เพราะตอนนี้ระบอบทักษิณกำลังคืนชีพ และเข้าคุมอำนาจรัฐอย่างเบ็ดเสร็จ สามารถคุ้มครองบุคคลที่ช่วยเหลือคุณทักษิณ ให้รอดพ้นจากความผิดได้ทุกคน
“ผมจะเป็นคนหนึ่ง ที่ยังแสดงความเห็น เรื่องความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทางการเมืองได้ ทั้งที่รู้ว่า สู้ไปก็ไม่สามารถเอาชนะ หรือทำอะไร ระบอบทักษิณได้ แต่ก็จะสู้ต่อไป แม้จะเป็นแค่เม็ดกรวดในรองเท้าก็ตาม” เทพไท ว่าซ่านนน
ย้อนกลับมาที่สนามเล็กการเมืองระดับจังหวัดกันบ้าง หลังก่อนหน้านี้ ขุนพลเมืองหมอแคน “อดิศร เพียงเกษ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เผยแพร่กลอนผ่าน X พร้อมแชร์รูปของ “ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์” อดีต สส.เชียงใหม่ ซึ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และต่อมาได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล
อดิศร เพียงเกษ
ล่าสุดโดย “อดิศร” แต่งกลอนเหมือนจะปลอบประโลม หลังทราบว่า “ทัศนีย์” ไม่ถูกเลือกให้ลงสมัครนายกฯอบจ.เชียงใหม่
อย่าเสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
มีคนเหมาะ มากกว่า อย่าเสียขวัญ
หวังเปลวไฟ กลับคว้า ได้ แค่หมอกควัน
มองไม่เห็น คืนวัน เพราะมืดมัว…
ทำให้ “ทัศนีย์” ตอบโต้เป็นกลอนกลับทันทีเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า
ไม่เสียใจ ก้าวไกล เขาไม่เคาะ
เลือกคนเหมาะ สมได้ ไม่เสียขวัญ
ไม่หวังคว้า เปลวไฟ ในทางตัน
หลังหมอกควัน ยังมีทาง อีกกว้างไกล
กลายเป็นการประชันกลอนการเมืองโต้ตอบระหว่าง 2 คน 2 วัย และแม้ “ทัศนีย์” ในวันนี้จะเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลแล้ว แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ถูกเลือกให้ลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ ตามที่ตั้งใจไว้
ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์
เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติเอกฉันท์ เลือก “พันธุ์อาจ ชัยรัตน์” อดีตผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และกรรมาธิการวิสามัญพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือตอนล่าง 1 และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ เป็นผู้สมัคร
เป็นเหตุให้ “ทัศนีย์” อาจจะต้องลงไปสู้ในนามของกลุ่มการเมืองเก่าของ “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” อดีตนายกอบจ.เชียงใหม่ ผู้เป็นอา ส่วนจะสู้ได้หรือไม่ ต้องตามลุ้นต้นปีหน้า
และแล้ว แวดวงตุลาการ ก็ต้องเจอกับสั่นสะเทือนไม่แพ้วงการอื่น แม้คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) จะมีมติเอกฉันท์ตั้งแต่ปลายปี 2566 เลือก “วิษณุ วรัญญู” รองประธานศาลปกครองสูงสุด อาวุโสอันดับหนึ่ง ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่ต่อจาก “วรพจน์ วิศรุตพิชญ์” ประธานศาลปกครองสูงสุด คนปัจจุบัน
ล่าสุด ศาลปกครองได้ส่งรายชื่อและประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงานของ “วิษณุ” ให้วุฒิสภา เพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบให้เป็นประธานศาลปกครองสูงสุดคนใหม่หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ วุฒิสภา อยู่ระหว่างการสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม โดยมีระยะเวลา 60 วัน
วิษณุ วรัญญู
ส่วนชื่อจะผ่านหรือไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ก็ต้องไปลุ้นผลการลงคะแนนที่เป็นการลงคะแนนลับต่อไป แต่ที่แน่ ๆ “วิษณุ” ถูกนำภาพที่เคยถ่ายคู่ ดร.ป็อก “ปิยะบุตร แสงกนกกุล” เมื่อครั้งไปร่วมงานแต่ง และมีการตั้งคำถามถึงคุณธรรม และจริยธรรม หากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวด้วย ทำให้ต้องออกมาชี้แจงเป็นพัลวัน
จึงต้องรอลุ้นว่าที่ประชุมวุฒิสภาจะออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งคือจำนวน 124 เสียง รับรอง “วิษณุ” เป็นประธานศาลปกครองสูงสุด หรือไม่
โดยการประชุมจะต้องมีขึ้นก่อนวันที่ 9 เมษายน 2567 ซึ่งจะสิ้นสุดสมัยประชุมสภา และวุฒิสภาจะหมดวาระ
อ่านข่าวอื่น ๆ
1 เดือน "พังดัมมี่ขี้บ่น" เดินชิลเคียงเพื่อนรักศูนย์ช้างลำปาง