วันนี้ (15 ก.พ.2567) ที่อาคารสัมมนาและฝึกอบรมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส) และกองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงข่าวกรณีขยายผลจับหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อสถาบันการเงินลอบค้าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พบหลุดไปถึงมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ จับกุมผู้ต้องหาลักลอบขายข้อมูลส่วนบุคคล และขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดยประสานข้อมูลการสืบสวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสืบทราบเพิ่มเติมว่า นายสุวรรณ อายุ 42 ปี ชาว จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อสถาบันการเงินเอกชนแห่งหนึ่ง มีพฤติกรรมลักลอบนำข้อมูลลูกค้าของสถาบันการเงินตนเอง มาดัดแปลง แก้ไข และนำไปจำหน่ายต่อให้กลุ่มที่สนใจ อาทิ ตัวแทนสินเชื่อ ตัวแทนประกัน และยังพบข้อมูลว่า มีบางกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ตกไปอยู่ในมือของมิจฉาชีพกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับนายสุวรรณ ในความผิดฐาน “ล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้นำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
ต่อมาวันที่ 7 ก.พ.2567 ชุดสืบสวน กก.3 บก.สอท.5 นำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ซอย 11 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมควบคุมตัวนายสุวรรณ และยึดของกลางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์พกพา และโทรศัพท์มือถือที่เก็บไฟล์ภาพข้อมูลของลูกค้า และประชาชนที่ซื้อขายข้อมูลมาจากบุคคลอื่น
เบื้องต้นนายสุวรรณ ยอมรับว่า เป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายสินเชื่อในการประสานงานกับลูกค้า จึงเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ส่วนหนึ่ง โดยจดบันทึกและจัดทำเป็นไฟล์เอกสารแล้วจึงนำไปขายต่อให้แก่กลุ่มนายหน้าประกัน หรือนายหน้าสินเชื่อของสถาบันการเงินอื่น ๆ ซึ่งจะทยอยนำรายชื่อลูกค้าครั้งละ 3,000-5,000 รายชื่อที่เป็นกลุ่มลูกค้าเครดิตดี ไปขายต่อในราคารายชื่อละ 1 บาท ทำให้มีรายได้เพิ่มเติมเดือนละหลายหมื่นบาท ทำมาแล้วกว่า 1-2 ปี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายสุวรรณ พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งประสาน สคส ตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่รั่วไหล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน และสืบสวนขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป