#น้องไนซ์ เจ้าของคอร์ส เชื่อมจิต ยังติดคำค้นในทวิต X หลังจากเป็นข่าวต่อเนื่อง โดยยังมีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายสนั่นโซเซียล โดยเฉพาะการตั้งคำถามว่าเป็นการเอาเด็กมาแสวงหาผลประประโยชน์หรือไม่
วันนี้ (17 ธ.ค.2566) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีสัคมเรียกร้องให้ตำรวจให้ตรวจสอบคอร์สเชื่อมจิต ของ "น้องไนซ์ " ว่า สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ลงไปตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น มีการโพสต์เชิญชวน ต้องดูพฤติการณ์ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่อย่างไร ส่วนจะเข้าข่าย ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก หรือไม่นั่น ต้องตรวจสอบทุกความผิดที่อาจเกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่แล้ว
สำหรับกรณีน้องไนซ์ ถูกสังคมตั้งคำถาม ทั้งเรื่องหลักการสอน และการเรียกเก็บเงินเป็นส่วนที่ถูกเผยแพร่ออกมาตั้งแต่ 1,900-4,200 บาท ทนายความน้องไนซ์ ชี้แจงว่า เป็นของผู้จัดที่ทำหน้าที่ดำเนินการ เพราะมีค่าใช้จ่าย เช่น เรื่องสถานที่ ค่าอาหาร ที่พัก
ส่วนน้องไนซ์เป็น เพียงวิทยากร ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ส่วนที่เห็นภาพน้องไนซ์รับเงิน ยอมรับว่าเป็นการรับเงินจริง แต่ภายหลังก็ส่งต่อไปสมทบในการสร้าง สถานปฎิบัติธรรม
"แพรรี่ ไพรวัลย์"อธิบายเชื่อมจิต
ขณะที่นายไพรวัลย์ วรรณบุตร" หรือ "แพรรี่ ไพรวัลย์" อดีตพระนักเทศน์ ฉายา "พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ" อดีตพระลูกวัดสร้อยทอง โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความตอนหนึ่ง ว่าพระพุทธเจ้าสอนคนเป็น 100 เป็น 1,000 ได้อย่างไร
ประเด็นเรื่องที่ว่าพระพุทธเจ้าสอนธรรมอย่างไร ในกรณีที่คนฟังมีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ท่านได้เชื่อมจิตไปสอนในสมาธิแบบที่มีคนกล่าวอ้างหรือไม่ จะขอตอบให้แบบสั้นๆ นะคะ
เรื่องนี้ ถ้าคนที่เคยศึกษาคัมภีร์ทางศาสนามาบ้าง จะเข้าใจได้ไม่ยาก มีหลายที่ในพระสูตรที่พระพุทธเจ้า ตรัสชมภิกษุบริษัทของท่านว่ามีกิริยาอาการงดงาม มีความเคารพเป็นอย่างดีทั้งในตัวท่าน และในพระธรรมที่ท่านเทศนาสั่งสอน
ในสมัยพุทธกาล เวลาที่ภิกษุบริษัทท่านอยู่ในธรรมสภานะคะและท่านเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา ทุกรูปจะต้องพร้อมใจกันเงียบเสียงค่ะ นี่ในพระสูตรและอรรถกถากล่าวตรงกันเลย เป็นเรื่องของพุทธคาระวะตา และธรรมคารวะตา (คือการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าและพระธรรม)
ในพระสูตรกล่าวถึงขนาดว่า แม้แต่เสียงจามและเสียงไอยังไม่มี ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าพวกภิกษุบริษัทเหล่านั้นจะพากันสนทนาหรือพูดคุยเรื่องอื่นใดๆ ต่อหน้าพระพุทธเจ้า
นอกจากนี้ ยังระบุว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสเปรียบด้วยว่า ถ้าท่านเงียบอยู่อย่างนั้นตลอดกัป ภิกษุบริษัทก็จะพากันเงียบอยู่อย่างนั้น จะไม่มีภิกษุรูปใดรูปหนึ่งกล้ายกเรื่องอื่นขึ้นพูดก่อนที่พระองค์จะแสดงธรรม
นี่เป็นเรื่องของมารยาท และอาจาระของภิกษุในสมัยพุทธกาลดังนั้น การสอนธรรมกับคนจำนวนมากของพระพุทธเจ้า จึงเป็นเรื่องของการสื่อสารจำเพาะ ระหว่างพระองค์กับกลุ่มสาวกบริษัทที่ได้รับการฝึกหัดด้วยพระธรรมวินัยอย่างดีแล้วค่ะ ไม่ใช่เรื่องของการเชื่อมจิต หรือใช้เทคนิคทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์แต่อย่างใด
แต่ถึงอย่างนั้นการบอกว่าในธรรมสภามีภิกษุจำนวนมาก ก็ไม่ได้หมาย ความภิกษุจำนวนเท่านัันทั้งหมด จะต้องเป็นผู้ได้ยินได้ฟังธรรมในคราวเดียวกันเท่ากันทั้งหมด
ที่สำคัญในกรณีที่ทรงสอนธรรมกับคนทั่วไปเป็นจำนวนมาก ๆ มันก็มีทั้งที่ตั้งใจฟังและไม่ตัังใจฟังเป็นเรื่องปกติค่ะ มีทัังที่ฟังแล้วเข้าใจและบรรลุธรรมก็มี มีทัังที่ฟังแล้วไม่เข้าใจและไม่บรรลุอะไรเลยก็มี ไม่ใช่ว่าสอนได้ทั้งหมด บรรลุธรรมทั้งหมด ไม่ใช่
อ่านข่าว
พศ.นิมนต์ “พระพยอม” แสดงธรรมแก้ปัญหา ”น้องไนซ์ “