ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงมกราคม ของทุกปี เป็นช่วงเวลาฤดูกาลท่องเที่ยวที่แท้ทรู สถานที่ยอดนิยมในประเทศไทยหนีไม่พ้นจังหวัดทางภาคเหนือ โอกาสเดียวที่จะได้ไปสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นก่อนจะต้องเผชิญกับหน้าร้อนในปีหน้า และ ”เมืองน่าน” ก็เป็นจังหวัดยอดฮิต โดยเฉพาะ "สะปัน" คือ หนึ่งในสิบอันดับสถานที่เช็คอินที่ต้องไปเยือนของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ หลงใหลป่าเมืองน่าน
แนวเทือกเขาหลวงพระบาง กั้นอาณาเขตไทย-สปป. ลาว ที่ จังหวัดน่าน
เทคนิคการเที่ยวน่านไม่ยาก แบ่งจังหวัดน่านเป็น 4 ส่วน คือ เหนือ กลาง ออก ใต้ รวม 15 อำเภอ “สะปัน” จะอยู่ด้านเหนือหรือตอนบน เส้นทางท่องเที่ยวตอนเหนือจะวนรอบเป็นวงกลม แล้วแต่ใครจะจัดทริปจากจุดไหนก่อน เริ่มพิกัดจาก ตัวเมืองน่าน ไปปัว สกาด ข้ามไปสะปัน บ่อเกลือ แวะถนนเลข 3 และกลับเข้าเมือง หรือจะเริ่มจาก ถนนเลข 3 ย้อนขึ้นไปถึงปัวแล้วกลับมาที่ตัวเมืองก็ได้อีกเช่นกัน ถนนเส้นนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แต่ไม่สามารถทำความเร็วได้ ขึ้นลงเขาสลับโค้งตลอดเส้นทาง มองจากมุมโดรนหรือ Bird eye view จะเห็นเหมือนถนนลอยฟ้าคดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามไหล่เขา
อ่านข่าว : โฮมสเตย์ “สกาด” เข้มแข็ง พร้อมรับนักท่องเที่ยวหนาวนี้ ดื่มด่ำวิวเขาและสายหมอก
รีสอร์ทริมลำธาร ในหมู่บ้านสะปัน อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
หมู่บ้านสะปัน ในอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เป็นชุมชนเล็กๆ สงบเงียบคล้ายหมู่บ้านในนิทาน ท่ามกลางขุนเขาซับซ้อนสุดสายตาสลับกับสายหมอก มีลำธารไหลผ่าน เป็นจุดที่ลำน้ำว้าและลำน้ำสะปันมาบรรจบกัน เรียกว่า "สบปัน" และกลายมาเป็นชื่อสะปัน อากาศดีตลอดทั้งปี โอโซนชั้นหนึ่ง เที่ยวสะปันในแต่ละฤดูจะได้บรรยากาศที่แตกต่างกัน หน้าร้อนเย็นสบาย ช่วงหน้าฝนทุ่งนาเขียวขจี ป่าชุ่มฉ่ำด้วยสายฝน ปลายฝนต้นหนาวสัมผัสทะเลหมอก
ลำธารน้ำว้า ไหลผ่านหมู่บ้านสะปัน อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน
ในหมู่บ้านมีถนนสายหลักที่เรียงรายไปด้วยรีสอร์ต ร้านอาหาร ขนาบไปกับลำธารน้ำใสจากต้นน้ำบนเทือกเขาหลวงพระบาง บริเวณกลางสะพานข้ามลำธารเป็นจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มองเห็นวิวสองฝั่งน้ำ หลายคนๆ บอกว่าคล้ายกับเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น มาก แต่สะปันของเรามีความสวยงามแบบชนบทและอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่า
อ่านข่าว : One Day Trip นั่ง "รถไฟลอยน้ำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" ปี 2566
ป้ายบอกทางไปรีสอร์ตในสะปัน
การเดินทางมาสะปันไม่ยากไปได้ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เริ่มจากตัวเมืองน่าน ผ่าน สันติสุข บ่อเกลือ และต่อไปสะปันรวมระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง จะใกล้กว่าเลือกเส้นทางที่ 2. น่าน ปัว บ่อเกลือและสะปันประมาณ 10 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวมักจะวางแผนมานอนที่สะปันอย่างน้อย 1 คืน มากกว่าเพียงแค่แวะมาเยือน เนื่องจากการเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งในจังหวัดน่านจะใช้เวลาค่อนข้างมาก แม้ระยะทางจะไม่ไกลแต่ถนนเป็นทางขึ้น-ลงเขาตลอด ไม่สามารถขับเร็วได้ ถ้าชอบชื่นชมธรรมชาติและมีเวลา แนะนำให้พักอย่างน้อย 2 คืน เพื่อดื่มด่ำความงามได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องรีบเร่ง
รีสอร์ตที่พักในสะปัน
สถานที่พักในสะปันมีให้เลือกมากกว่า 100 แห่ง ตั้งแต่รีสอร์ตระดับหรู ราคาหลายพัน จนถึงโฮมสเตย์หลักร้อยต่อวัน ช่วงปลายปีที่พักค่อนข้างเต็มมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นจำนวนมาก หลายแห่งบอกว่าห้องเต็มไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้าแล้ว
ในอดีตที่ผ่านมา “สะปัน” เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในวงแคบๆ กลุ่มสายเที่ยวชุมชน ยังมีแค่ รีสอร์ตเล็กๆ และโฮมสเตย์เท่านั้น เมื่อเริ่มมีชื่อเสียง นักธุรกิจต่างถิ่นเข้าไปลงทุนสร้างรีสอร์ต เศรษฐกิจหมุนเวียน ร้านอาหาร คาเฟ่ร้านกาแฟเพิ่มมากขึ้น จนทุกวันนี้สะปันเริ่มแออัด ใจกลางชุมชนคึกคัก รถวิ่งสวนไปมาตลอด จนน่าเป็นห่วงว่า บรรยากาศน่ารัก สงบเงียบของหมู่บ้านแห่งนี้จะหายไป พร้อมกับกระแสการท่องเที่ยวที่ถาโถมเข้ามา เกิดเป็นคำถามว่า เราจะยังคงอนุรักษ์ “สะปัน” ไว้ได้อย่างไร ทั้งชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว คงต้องมาหาคำตอบกัน
รีสอร์ตที่พักในสะปัน
เมื่อชุมชนสะปันเริ่มแออัด การปลูกสร้างสถานที่พัก โฮมสเตย์จึงกระจายออกขึ้นไปทางบ้านห้วยโทนมากขึ้น การมาเยือนสะปันครั้งนี้ จะขึ้นไปปลีกวิเวกห่างจากชุมชน เนื่องจากเป็นสายรักธรรมชาติ จึงหาโฮมสเตย์ที่อยู่ไกลออกไปทางด้านบนของหมู่บ้านสะปัน และมีวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างจากในหมู่บ้านสะปัน ทิวทัศน์หมู่บ้านสะปันจะเป็นวิวลำธารและชุมชนเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขา เมื่อเดินทางขึ้นมาตามเส้นทางไปหมู่บ้านห้วยโทนประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีโฮมสเตย์เปิดใหม่ 5-6 แห่ง วิวบริเวณนี้มีความอลังการสวยงามเกินบรรยาย แบบสวยตะโกน สวยมาก ก.ไก่ล้านตัว เหมือนอยู่ในต่างประเทศ ถ้ามีหิมะตกก็น้องๆ เทือกเขาในประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยทีเดียว
อ่าน : หนาวนี้เที่ยว "ทุ่งดอกบัวตอง 2566" บนดอยแม่อูคอ จ.แม่ฮ่องสอน
ภูมิประเทศสวยงามยามเช้าจากสะปัน
โฮมสเตย์ที่พักปลูกแบบง่ายๆ บนเนินเขาใกล้ชิดธรรมชาติจนแทบจะแทรกตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพื้นที่จับจอง ไม่สามารถซื้อขายได้ มีกลุ่มชาติพันธุ์ลัวะตั้งรกรากและอาศัยอยู่มาตั้งแต่ครั้งโบราณ อย่างไรก็ตามที่ดินบริเวณนี้ยังเป็นอาณาเขตพื้นที่ป่าสงวนด้วย เคยมีคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติของรีสอร์ตชื่อดังมาแล้ว ซึ่งทางอำเภอบ่อเกลือ ได้พยายามจัดระเบียบการก่อสร้าง และประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนที่สนใจทำธุรกิจบ้านพัก รีสอร์ต ที่สะปัน-บ่อเกลือ ควรตรวจสอบพื้นที่ก่อนว่าถูกต้อง ไม่ลุกล้ำพื้นที่ป่า เพื่อจะได้ไม่ทำผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีในภายหลังได้
อ่าน : หนาวนี้ ออกไปดริปกาแฟ แตะขอบฟ้าที่ "ห้วยโทน" จ.น่าน
โฮมสเตย์ด้านบนหมู่บ้านสะปัน
จุดที่พักมองเห็นทิวเขาหลวงพระบางที่กั้นระหว่างพรมแดนไทยกับ สปป.ลาวอยู่ตรงหน้า ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านก็ยังเปรียบเทียบไม่ได้ วิวที่หมู่บ้านสะปันเราเห็นภูเขาไกลๆ แบบพาโนรามา แต่เมื่อขึ้นพักบนจุดนี้ คือ ภูเขาอยู่แค่เอื้อมมือ เขารอบตัว 360 องศา ยิ่งปลายฝนต้นหนาว หลังฝนตก ทะเลหมอกเน้นๆ ลอยผ่านไปรายกับปุยนุ่น ด้านล่างของที่พักมีลำธารไหลผ่าน เป็นลำธารเดียวกับที่ไหลผ่านหมู่บ้านสะปัน น้ำใสไหลเย็น สะอาดบริสุทธิ์ ลงไปนั่งเล่นแช่เท้า หรือแช่ทั้งตัว นอนให้น้ำไหลผ่านไปเอื่อยๆ ผ่อนคลายยิ่งกว่าเข้าสปาชั้นดีในกรุงเทพฯ เสียอีก
อ่านข่าว : ขึ้นเหนือรับลมหนาว หย่อนใจในหุบเขา บ้านแม่สามแลบ จ.แม่ฮ่องสอน
ลำธารน้ำไหลสู่หมู่บ้านสะปัน
อาหารการกินที่โฮมสเตย์จะทำรวมมื้อเช้ากับราคาห้องพัก ส่วนมื้อเย็น หรือมื้ออื่นๆ จะสั่งหรือ ลงไปรับประทานที่หมู่บ้านก็ได้ ถ้าจะให้เข้ากับบรรยากาศและมีกิจกรรมสนุกๆ ในกลุ่มเพื่อนฝูงหรือญาติมิตร การปรุงอาหารทานเองก็สนุกสนานอย่างยิ่ง ที่พักส่วนใหญ่ถ้าเป็นโฮมสเตย์จะมีเตาไฟไว้บริการ จะปิ้งย่าง หมูกระทะ ก็ทำได้ อาหารสูตรเด็ดที่ทำง่ายๆ อร่อยเบาๆ คงหนีไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถ้าเป็นบะหมี่เกาหลีบวกกับกิมจิและเครื่องเทศก็ยิ่งฟิน ครบเครื่องทั้งเนื้อสัตว์ และผักสด รับประทานร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ฟินสุด
ทะเลหมอกยามเช้า หลังฝนตก ที่สะปัน
สะปันวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก และยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไป ที่พักและร้านอาหารขยายตัวไม่หยุด เมื่อการท่องเที่ยวคือธุรกิจ สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ที่พักขยายตัวขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปราศจากควบคุมดูแล พื้นที่บริเวณด้านบนเหนือหมู่บ้านสะปันขึ้นไปจนถึงหมู่บ้านห้วยโทน ก็จะต้องถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะด้านบนเป็นป่าบริสุทธิ์ แหล่งต้นน้ำหล่อเลี้ยงเมืองน่าน
ทิวทัศน์ยามเช้าภูเขาและสายหมอก ที่หมู่บ้านสะปัน
ในมุมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติคงไม่อยากเห็นสะปันหรือแม้แต่สถานที่ทางธรรมชาติอืนๆ ต้องกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่สามารถคงความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ ซึ่งมีบทเรียนมาแล้วหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ปาย, ภูทับเบิก หรือ แม่กำปอง ทำอย่างไรจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวชุมชนเหล่านี้มีความยั่งยืนและสวยงามตลอดไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"เรือกอและ" บ้านทอน 4 ศตวรรษบนเกลียวคลื่น
"ปลาตะเพียน" ปลาพื้นเมืองคู่ครัวไทย "สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ" โปรดเสวย ในอดีตใครกินต้องโทษปรับ