บ้านตระ ต.ปะเหลียน จ.ตรัง เคยได้ชื่อว่า เป็น “ดินเเดนลับเเล” ที่มีเส้นทางเข้าออกทางเดียว รถเข้าไม่ถึง มีเพียงรถจักรยานยนต์เท่านั้นที่เข้าไปได้แต่ก็ไปได้เเค่ครึ่งทาง
ซึ่งหากเดินทางมาจากน้ำตกโตนตก ต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชม.ในการเดินทางระยะทางเเค่ 8 กิโลเมตร เพราะเส้นทางขุรขระ เเคบ คดเคี้ยว บางจุดเสี่ยงต่อการลื่นล้มตกลำธาร เพราะตะไคร่น้ำที่เกาะบนพื้นผิว
ที่นี่ชาวบ้านที่มีประมาณ 100 หลังคาเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนใหญ่จึงมักใช้โซล่าเซลล์ เเละไม่สัญญาณมือถือ อาศัยน้ำจากลำธารธรรมชาติ เเละน้ำฝนในการดำรงอยู่ ในหมู่บ้านยังมีสหกรณ์ออมทรัพย์ของชุมชน มีร้านของชำหลักๆ 2 แห่ง เป็นร้านเล็ก ๆกลางหมู่บ้าน
ชาวบ้านบางส่วนมานอนเฝ้าสวน สวนยาง และไปกลับลงไปอาศัยด้านล่าง
ชาวบ้านบางส่วนมานอนเฝ้าสวน สวนยาง และไปกลับลงไปอาศัยด้านล่าง
บ้านเเต่ละหลัง ส่วนใหญ่สร้างขึ้นด้วยไม้ มีทั้งก่อสร้างแบบถาวร และปลูกชั่วคราวคล้ายขนำ เพราะเส้นทางที่ห่างไกล ทำให้หลายคนเลือกที่จะไปอาศัยอยู่นอกชุมชน และขับรถเข้าออกแบบเช้าไปเย็นกลับ เพื่อมาดูแลพืชผลทางการเกษตร
เมื่อเดินเท้า ยิ่งลึกเข้าไปในป่า บ้านของชาวบ้าน ก็จะถูกปลูกอยู่ห่างๆกัน และปิดล็อคประตูไว้ ยิ่งในจุดที่ต้องเดินเป็นวันกว่าจะไปถึง ก็จะมีการก่อสร้างเป็นขนำชั่วคราวเป็นหลัก และในป่าลึกยังพบสถานปฎิบัติธรรม เเต่ไม่มีพระจำวัดอยู่ ชาวบ้านเล่าว่า บางช่วงก็จะมีพระมาจำพรรษาและประกอบศาสนกิจอยู่บ้าง
อ่านข่าว ผบช.ภ.9 ยันยังไม่ได้วิสามัญฯ "เสี่ยแป้ง" ฝ่าวงล้อมหนีเข้าป่า
ในอดีตชาวบ้านใช้ม้าเดินทาง เเต่ทุกวันนี้ แม้หลายจุดรถจักรยานยนต์จะเข้าถึง แต่ก็ยังลำบาก แต่ทุกเช้าก็ยังเห็นชาวบ้านกลับไปเก็บพืชผลทางการเกษตรเพื่อนำมาขายภายนอก หรือบางครอบครัวก็เดินทางออกมาส่งลูกไปเรียนหนังสือ เด็กๆ
ผู้คนที่นี้ใช้ชีวิตเคยชินกับธรรมชาติ และความยากลำบากที่คนภายนอกมองเช่นนั้น แต่หลายคนอยู่ที่นี้มา 3-4 ชั่วอายุคน พวกเขาจึงคุ้นเคยกับเมืองที่หลายคนมองว่า เป็นเมืองลับแล
การเดินทางขึ้นบ้านตระ ต้องใช้จักรยานยนต์ เส้นทางขรุขระ ลาดชัน
การเดินทางขึ้นบ้านตระ ต้องใช้จักรยานยนต์ เส้นทางขรุขระ ลาดชัน
"เสี่ยแป้ง" ไม่ใช่แขกหน้าใหม่
สำหรับชาวบ้านที่นี้ “เสี่ยเเป้ง ไม่ใช่เเขกหน้าใหม่” เพราะเข้าๆ ออก ๆ อยู่เป็นประจำ บางครั้งอยู่เป็นเดือน เพราะมีญาติและคนรู้จักหลายคน เมื่อถามถึง "เสี่ยแป้ง ชาวบ้านที่เป็นคนรุ่นเก่า มักจะรู้จัก และพบบ่อย ก่อนจะมีคดีความ แต่สำ หรับเด็กรุ่นใหม่ แทบไม่รู้จัก เพราะระยะหลัง "เสี่ยแป้ง" ไม่ได้มาที่บ้านตระบ่อยหนัก
และเพราะรู้จักเส้นทาง และพื้นที่ป่าดีมาก ชาวบ้านจึงไม่เเปลกใจที่ "เสี่ยเเป้ง" จะใช้พื้นที่ป่าห่างไกลหมู่บ้าน ที่ต้องเดินเท้าไปบนยอดเขาอีกหลายชั่วโมง กบดาน เพราะโอกาสรอดจากการบุกจับเป็นไปได้สูง หากเจ้าหน้าที่มาประชิดตัว
เคยเห็นหน้าค่าตาบ่อย แต่หลังๆ มาไม่บ่อยนัก ส่วนคนที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นคนส่งเสบียง ชาวบ้านก็รู้จัก เพราะที่นี้มีคนไม่มาก รู้จักกันหมด เสี่ยแป้งมีญาติเยอะ โดยเฉพาะในเทือกเขาบรรทัดของบ้านตระ ที่เชื่อมกันฝั่งอำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ซึ่งต้องเดินข้ามเขา และอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง
เมื่อถามถึงความกังวลของชาวบ้านต่อการปะทะ ระหว่างเจ้าหน้าที่กับเสี่ยแป้งเมื่อวานนี้ (8 พ.ย.) บางคนก็กังวลอยู่บ้าง แต่บางคนก็รู้สึกธรรมดา เพราะพวกเขาคิดว่า ไม่ได้เป็นศัตรูโดยตรงกับเสี่ยแป้ง
อ่านข่าว "เสี่ยแป้ง" กบดาน "บ้านตระ" ไข่แดงเทือกเขาบรรทัด
ผบ.ตร.ยันไม่มีนโยบายวิสามัญ-ขอให้มอบตัว
ปฎิบัติการไล่ล่าเสี่ยเเป้งกลางป่าลึกที่บ้านตระตลอดทั้งวันนี้ มีการผนึกกำลังของหลายฝ่าย โดยแบ่งกำลังออกเป็นชุด ๆ กระจายไปทุกเส้นทาง โดยใช้รถจักรยานยนต์ขับผ่าไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวและลื่น เพราะฝนที่ตกลงมา
บางจุดเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้า เพื่อไปยังจุดที่ปะทะเพื่อจำกัดวงให้เเคบลง แต่อุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คือ ส่วนใหญ่ไม่มีความชำนาญทาง จึงจำเป็นให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่านำทาง
สวนทางกับความรู้จักพื้นที่เป็นอย่างดีของเสี่ยเเป้ง เพราะเคยมาพักที่นี้นานนับเดือนในหลายปีก่อน ทำให้การติดตามตัว “เสี่ยแป้ง นาโหนด” อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ขณะที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ส่วนตัวไม่มีนโยบายวิสามัญ และถ้าเสี่ยแป้ง ติดต่อญาติพี่น้องให้มามอบตัว รับรองความปลอดภัย
รู้ว่าเขาอยู่ในพื้นที่หลายวันแล้ว ขอให้มอบตัวตอนนี่ส่งพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ไปดูแล แต่ถ้าต่อสู้ก็ว่าไปตามกฎหมาย
อ่านข่าว