วันนี้ (5 ต.ค.2566) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า พบมีการลักลอบส่งออกสัตว์ป่ามีชีวิตขึ้นไปบนเครื่องบินของสายการบิน Vietjet Air ที่เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ไปยังเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน
จากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบขนส่งสัตว์ป่า คือ เต่าดาวพม่า 20 ตัว นาก 2 ตัว พญากระรอก 2 ตัว และแพรี่ด็อก 1 ตัว ซุกช่อนอยู่ในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง ทั้งนี้ไม่มีผู้โดยสารคนใดแสดงตัวเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว
ทำให้เจ้าหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับสายการบิน Vietjet Air เพื่อขอทราบรายละเอียดข้อมูลเที่ยวบินผู้โดยสารที่ถือกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน และให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ประสานงานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่ต้องสงสัยในการลักลอบสัตว์ป่าออกไป
พญากระรอก แพรี่ด็อก ที่ถูกลอบขนไปบนสายการบินไทยเวียตเจ็ท
สำหรับ "นาก" เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ในไทยมี 4 ชนิดคือ นากเล็กเล็บสั้น นากใหญ่ขนเรียบ นากจมูกขน และนากธรรมดา แต่ตัวที่อาจพบได้ในเขตเมืองมี 2 ชนิดคือ นากใหญ่ขนเรียบ นากเล็กเล็บสั้น ไม่สามารถครองครองหรือค้าได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เพจเที่ยวทุกที่ Boarding Pass ได้เผยภาพคลิปความยาว 1 นาที เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กำลังไล่จับลูกนากเล็บสั้น ซึ่งทีแรกเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเป็นหนู และตั้งข้อสงสัยว่าผ่านการตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ มาได้อย่างไร
ทสภ.พบพนักงานผิดพลาด-สั่งพักงาน
ต่อมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงกรณีมีผู้โดยสารลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่องบินไปยังไต้หวัน โดยระบุว่า ไทยเวียตเจ็ท ออกเดินทางจากท่อากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 4 ต.ค. เวลา 15.32 น. ปลายทางท่าอากาศยานไต้หวัน
ทสภ.ได้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงาน ตรวจค้นบริษัทรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานไทย จำกัด ผ่านระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ย้อนหลังพบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่อง เป็นชาวต่างชาติ 2 คน ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น.
โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัย จึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นป็นวัตถุอันตรายหรือวัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวไม่ได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋า และอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป
ทสภ.ย้ำว่าระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ทสภ.สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋า ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน จึงมีคำสั่งให้พนักงานหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวน พบว่าเป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย