เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2566 CNN เผยแพร่รายงานของ Wall Street Journal ว่าจีนสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางใช้ iPhone แหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า ข่าวเรื่องการไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์สัญชาติอเมริกันในจีนนั้น มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 แล้ว แต่การแจ้งข่าวไม่มีลายลักษณ์อักษร เพราะกังวลเรื่องความอ่อนไหวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในขณะที่ทางรัฐบาลจีนเอง ก็สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ใช้สมาร์ทโฟนที่ผลิตโดยบริษัทใหญ่ๆ ในประเทศ โดยเฉพาะ Huawei ในเดือนมิถุนายน 2565 CNN รายงานว่าบางกระทรวงในรัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้รถยนต์ยี่ห้อ Tesla ขับขี่เข้าไปในสถานที่ราชการ โดยให้เหตุผลกังวลเรื่องความปลอดภัย
ทิม คุก CEO ของ Apple เคยมาเยือนจีนในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และกล่าวว่า จีน เป็นตลาดและศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของ Apple โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 19 ของรายได้รวม
ทิม คุก CEO Apple ขณะเยือนจีน ปี 2562
ทิม คุก CEO Apple ขณะเยือนจีน ปี 2562
การสั่งห้ามใช้ iPhone สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ อาจเป็นการตอบโต้การเคลื่อนไหวเหมือนที่สหรัฐฯ เคยกระทำต่อเทคโนโลยีของจีน แต่ส่งผลกระทบต่อ Apple และแบรนด์ต่างประเทศขนาดใหญ่อื่นๆ
Huawei และ ZTE Corporation ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบโทรคมนาคมสัญชาติจีน อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของสหรัฐฯ มานานแล้ว และในเดือน พ.ย.2565 ฝ่ายบริหารของ ไบเดน ได้สั่งห้ามการอนุมัติอุปกรณ์โทรคมนาคมใหม่จากทั้ง 2 บริษัท เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวก่อให้เกิด "ความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้" ต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
เช่นเดียวกับ TikTok ยังถูกแบนจากอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงสภาผู้แทนราษฎร เมืองนิวยอร์ก มอนแทนา นิวเจอร์ซีย์ โอไฮโอ เท็กซัส และ จอร์เจีย เนื่องจากความกังวลว่ารัฐบาลจีนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ผ่านทาง Bytedance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของจีน
อ่านข่าวเพิ่ม :
รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มภารกิจเยือน "จีน" หวังลดขัดแย้ง
ผู้ใช้งาน TikTok ร้องศาลสั่งระงับแบนในรัฐมอนแทนา
"มอนแทนา" รัฐแรกของสหรัฐฯ ไฟเขียวกฎหมายแบน TikTok บังคับใช้ต้นปีหน้า
จีนได้สั่งห้ามการใช้ iPhone สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง The Wall Street Journal รายงานโดยอ้างถึงบุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อซึ่งคุ้นเคยกับเรื่องนี้
หุ้นใน Apple ร่วงลง 3.6% ในวันพุธหลังจากข่าวดังกล่าว ปิดที่ 182.91 ดอลลาร์ในนิวยอร์ก ถือเป็นการลดลงรายวันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเดือน ก่อนวันพุธ Apple เพิ่มขึ้น 46% ในปีนี้