วันนี้ (28 ส.ค.2566) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย TFFIF ชะลอปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษ 2 สายทาง คือ ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ออกไปอีก 6 เดือน
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2567 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการทางด้านขนส่งทั้งนี้ อัตราค่าผ่านทางใหม่ ที่จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค.2567 จะปรับเป็นอัตราดังนี้
อัตราค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัช
- รถ 4 ล้อ 45 บาท รถ 6-10 ล้อ 65 บาท รถมากกว่า 10 ล้อ 90 บาท
ยกเว้นด่านฯ รามอินทรา 1 และด่านฯ สุขาภิบาล 5-2 - รถ 4 ล้อ 20 บาท รถ 6-10 ล้อ 35 บาท รถมากกว่า 10 ล้อ 45 บาท
อัตราค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี
- รถ 4 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะใช้อัตราค่าผ่านทางเดิม แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 5 บาท สูงสุดไม่เกิน 10 บาท โดยคิดตามระยะทาง
- รถ 6-10 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะปรับขึ้น 5 บาท แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 10 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยคิดตามระยะทาง
- รถมากกว่า 10 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะปรับขึ้น 5 บาท แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 10 บาท สูงสุดไม่เกิน 25 บาท โดยคิดตามระยะทาง
การปรับอัตราค่าผ่านทางครั้งนี้ เป็นวิธีการปัดเศษให้ลงท้ายด้วย 0 หรือ 5 บาท ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการทางพิเศษฉลองรัช และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี ( RTA) ที่กำหนดให้ปัดเศษให้ลงท้ายด้วย 0 หรือ 5 บาทตามหลักคณิตศาสตร์ (หากคำนวณได้เกินกว่าหรือเท่ากับ 2.5 บาท จะปัดขึ้น 5 บาท แต่ถ้าคำนวณได้น้อยกว่า 2.5 บาทจะปัดลง)
การชะลอปรับขึ้นค่าผ่านทางของทางพิเศษฉลองรัช และบูรพาวิถีครั้งนี้ กทพ. โดยกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมหารือกับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย TFFIF โดยรับทราบถึงความเดือดร้อน ของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าผ่านทาง จึงได้มีมาตราการชะลอการปรับอัตราค่าผ่านทางออกไป 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน