วันนี้ (21 ส.ค.2566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลการขายที่ดินของบริษัทเอกชนอีกหลายแห่งทั้งในและนอกประเทศ โดยอ้างว่านายเศรษฐา ทวีสิน มีความเกี่ยวข้องในการจัดตั้งขึ้นมาเป็นบริษัทนอมินี เพื่อซื้อขายที่ดินให้กับแสนสิริ พร้อมระบุว่า บุคคลที่ใช้ชื่อมาเป็นนอมินี นั่งกรรมการบริษัท เพื่อลงนามการซื้อขายที่ดิน พบ 2 คน เป็นคนไทย มีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ใน จ.มุกดาหาร และสังกัดอยู่ในบริษัท รักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบุคคลในครอบครัวของนายเศรษฐา เป็นเจ้าของบริษัท
นายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งหมดทำเป็นรูปแบบ เป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่จัดหาเจ้าที่รักษาความปลอดภัยมาเป็นนอมินีในบริษัท เพื่อลงนามทำนิติกรรมซื้อ-ขายที่ดินให้แก่บริษัท แสนสิริ
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ได้เปิดภาพห้องพักภายในอาคารแห่งหนึ่ง อ้างว่าเป็นสถานที่ตามที่อยู่ตั้งบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในฮ่องกง ที่มีชื่อเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดิน โดยเป็นภาพห้องพักที่ไม่มีผู้อาศัย ไม่มีลักษณะการดำเนินกิจการใดใด เพื่อยืนยันว่าเป็นบริษัทนอมินี ไม่มีการดำเนินกิจการจริง
ขณะเดียวกันหลัง-ซื้อขายที่ดินแล้ว ยังมีการโอนสิทธิการครอบครองที่ดินที่ทำนิติกรรมในลักษณะเข้าข่ายการเลี่ยงภาษีที่ดินอีกด้วย โดยนายชูวิทย์ ระบุชื่อนายทศพล ว่าเป็นขงเบ้งที่ให้คำแนะนำในการทำนิติกรรมเลี่ยงภาษีที่ดินให้กับแสนสิริ
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงการที่นายสนธิ เล่าข่าวและยื่นสรรพากรตรวจสอบตัวเองว่ามีการขายที่ดินและเลี่ยงการจ่ายภาษีโดยทำนิติกรรมอำพราง ว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันจ่ายภาษีถูกต้องและยินดีให้ตรวจพิสูจน์
ชูวิทย์ กล่าวปิดท้ายการแถลงข่าว ว่า ภารกิจหน้าที่แฉเพื่อชาติของได้จบสิ้นลงในวันนี้ จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ จะไม่เห็นผมมานั่งแถลงข่าว ไม่เห็นผมมาแฉใครอีก ไม่เห็นผมในการมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องทนเอาร่างกายที่มีมะเร็งกัดกินอยู่ ต้องกินยาและลุกมาพูดให้จบภารกิจ ไม่อย่างนั้นนอนตายตาไม่หลับ