วันนี้ (18 ส.ค.66) รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส โดยวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง หลังพรรคเพื่อไทยประกาศจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และแม้ว่าจะได้เสียง สส.314 เสียงแล้ว แต่ยังต้องสิ่งที่ต้องจับตามองเนื่องจาก สว.ยังคงมีบทบาทในการโหวตนายกฯอย่างมาก
ไม่ผิดคาด "พท." จับมือ "รทสช."
รศ.ดร.พิชาย กล่าวว่า ไม่ได้ผิดคาดกับการที่พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะมีกระแสข่าวมาเป็นระยะ แต่กระบวนการทำให้เป็นทางการมีความเขินอายกันอยู่ แต่ก็สามารถที่จะข้ามพันความกระอักกระอ่วนในการร่วมมือกันของ 2 ขั้วการเมืองได้จึงออกมาประกาศเป็นทางการ
อ่านข่าว "เศรษฐา" โต้กลับ "ชูวิทย์" ยันซื้อที่ดินแสนสิริถูก กม.-ไม่มีเงินทอน
หากเทียบกับเงื่อนไขการร่วมงานกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ นั้น เงื่อนไขของพรรคพลังประชารัฐ อาจมีความกระอักกระอ่วนใจมากกว่าเนื่องจากในช่วงของการเลือกตั้ง แกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ หรือ พูดโดยรวมว่าไม่เอา 2 ลุง โดยชื่อที่เอ่ยมาบ่อยกว่า คือ พรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ถูกเอ่ยขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อไม่มีการเอ่ยชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างชัดเจนจึงเป็นโอกาสที่ดีที่พรรคเพื่อไทยจะดึงพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาล
พรรคเพื่อไทยก็รู้ว่ากระแสสังคมส่วนไม่เอาขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเก่า ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ซึ่งหากอยากได้คะแนนเพิ่มเติมก็ต้องประกาศว่าไม่เอา 2 พรรคนี้ จึงทำให้สามารถตรึงคะแนนบางจุดและได้คะแนนเพิ่ม แต่หลังการเลือกตั้ง สำหรับพรรคเพื่อไทย คงลืมไปแล้วว่า ก่อนเลือกตั้งเคยพูดอะไรไปแล้วบ้าง จึงออกมารูปแบบนี้
รศ.ดร.พิชาย ยังกล่าวว่า ขณะนี้ พรรคเพื่อไทยกลืนน้ำลายตัวเองอย่างชัดเจนว่า "ไม่เอา 2 ลุง" คุณแพทองธารก็บอกว่าจะ ปิดสวิตช์ 3 ป.ความหมายที่ชัดเจนก็คือ ไม่เอาพรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้นจึงหมายความว่า คำพูดของ คุณแพทองธา ก็เป็นคำพูดที่ว่างเปล่าเป็นเพียงการหาเสียงเท่านั้น
อ่านข่าว "วันนอร์" เคาะอภิปรายโหวตนายกฯ 5 ชม. ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์
คาด "รทสช." ขอ 3 กระทรวง
รศ.ดร.พิชาย กล่าวอีกว่า เชื่อว่า เมื่อวันที่17 ส.ค.66 พรรคเพื่อไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติคงตกลงกันได้ในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี โดยกระทรวงที่อยากได้ทราบตามกระแสข่าวคือ กระทรวงพลังงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งในการเจรจาต่อรองก็ไม่ทราบว่าจะเป็นไปตามที่ต่อรองหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยก็อยากได้กระทรวงนี้ แต่ก็เชื่อว่า ในส่วนของกระทรวงพลังงานจะสามารถตกลงกันได้
เชื่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติที่มี 36 เสียงจะโหวตให้เพื่อไทย ตอนนี้เพื่อไทยคงจะมีเสียงประมาณ 314 เสียง และการมาของพรรครวมไทยสร้างชาติ คงจะมีเสียงของ สว.จำนวนหนึ่ง ที่สังกัดสาย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ คงจะมีการบอกกล่าวให้ สว.ที่คุ้นเคย โหวตให้แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย
เชื่อ "บิ๊กตู่" วางคนในรัฐบาล หลังลงจากหลังเสือ
รศ.ดร.พิชาย เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อตกลงกับ ขุนพลข้างกายที่มีความจงรักภักดีกับตนเอง โดยได้มีตำแหน่งในรัฐบาล ฉะนั้นจึงคิดว่าเป็นพันธะระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ บรรดาผู้ที่ต้องการสนับสนุน เชื่อว่า หากคนเหล่านี้มีตำแหน่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะลงจากหลังเสือได้อย่างอุ่นใจ ที่อย่างน้อยก็มีคนที่ภักดีกับตนเองที่จะสามารถดูแลเรื่องต่าง ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ถูกเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รวมถึงในวันจันทร์( 21ส.ค) นายชูวิทย์ก็ประกาศจะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
อ่านข่าว ชาวเน็ตแห่ถาม ชลน่านลาออกกี่โมง หลังจับมือรวมไทยสร้างชาติ
ในช่วง 3-4 วันก่อนที่จะถึงวันโหวตนายกฯจะต้องดูว่า นายเศรษฐาจะสามารถรับแรงกดดันจากเรื่องที่นายชูวิทย์มาเปิดเผยได้หรือไม่ หรือ หากรับไม่ได้ก็อาจบอกพรรคว่าไม่เอาแล้ว หรือพรรคเพื่อไทยอาจประเมินจากข้อมูลที่นายชูวิทย์มาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีน้ำหนักมาก-น้อย เพียงใด ก็อาจตัดสินใจเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯก็ได้
ในช่วงนี้จะมีการตัดสินใจอย่างเข้มข้น และมองอย่างใกล้ชิด และหากจะเสนอคุณแพทองธาร คงจะเสนอวันที่ใกล้กับการโหวตนายกฯ หรือ เสนอในวันโหวตเลย เพราะหากเปิดตัวเร็วโอกาสที่จะถูกขุดคุ้ยก็มีสูง ดังนั้นกลยุทธ์ ก็คือ การเปิดตัวในวันโหวตเลย หากพรรคเพื่อไทยต้องการที่จะมีนายกฯ คงจะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เกิดขึ้นมา ซึ่งทำมาแล้วทั้งนั้น ทั้งการเสียสัจจะต่อประชาชน การจับมือกับ 2 ลุง หรือ ฉีกสัญญา MOU กับก้าวไกล
ชี้"รัฐบาลเพื่อไทย" ทำงานยาก
ขณะที่อนาคตทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย คงจะสูญเสียความน่าเชื่อถือไปอย่างมาก โดยพรรคเพื่อไทยได้รับผลกระทบตั้งแต่ครั้งฉีก MOU กับพรรคก้าวไกล และเมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศตัดสินใจจับมือกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็จะมีมวลชนอีกจำนวนหนึ่งที่จะถอนตัว
อ่านข่าว "โรม" ไม่ทวงถาม "หมอชลน่านลาออก" หลังดึงพรรคลุงร่วมรัฐบาล
ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทย สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็จะต้องเผชิญวิกฤตศรัทธาโดยเร็ววัน คือเป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาโดยพื้นฐานความชอบธรรมที่ต่ำมากและเผชิญความกดดันจากสังคมอย่างสูง รวมถึงการมีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคโอกาสที่จะเผชิญความขัดแย้งก็มีสูง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"เศรษฐา" โต้กลับ "ชูวิทย์" ยันซื้อที่ดินแสนสิริถูก กม.-ไม่มีเงินทอน
"วันนอร์" เคาะอภิปรายโหวตนายกฯ 5 ชม. ไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์
ชาวเน็ตแห่ถาม ชลน่านลาออกกี่โมง หลังจับมือรวมไทยสร้างชาติ