หลังจากที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ประกาศจำหน่ายบัตรผ่านเข้าอุทยานฯ ด้วยระบบจำหน่ายบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Ticket ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ เพื่อลดปัญหาด้านการจราจรติดขัดและลดขั้นตอนในการจำหน่ายบัตรค่าบริการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2566 ผ่าน 2 ช่องทาง
- ช่องทางปกติ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ทำการจองผ่านระบบ E-Ticket เพื่อลงทะเบียนใหม่ หรือระบบฉีกตั๋ว
- ช่องทาง E-Ticket ผ่านแอปพลิเคชัน QueQ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองผ่านระบบมาแล้ว เพียงยื่น QR Code ให้เจ้าหน้าที่สแกนก็ผ่านเข้าท่องเที่ยวได้แล้ว
ล่าสุด ไทยพีบีเอสออนไลน์ พบการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการเส้นทางเขาใหญ่ที่กังวลเรื่อง ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบไม่ใช่สมาร์ทโฟน หรือ แบบมีปุ่มกด ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีกล้องถ่ายรูป จะไม่สามารถเดินทางผ่านเขาใหญ่ด้วยระบบ E-Ticket ได้
จึงสอบถามไปยัง นายชัยยา ห้วยหงษ์ทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถึงกรณีดังกล่าว พบว่าตั้งแต่มีการประกาศใช้ระบบ E-Ticket ตามคำสั่งของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในสัดส่วน E-Ticket 70 : ฉีกตั๋ว 30 แล้วนั้น เกิดปัญหาการจราจรติดขัดยาวหลายกิโลเมตร ที่บริเวณทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ฝั่งปากช่อง จ.นครราชสีมา ในช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สอดคล้องกับเรื่องร้องเรียน เพราะผู้ใช้เส้นทางหลายคนไม่มีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงมีคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนนโยบายการจำหน่ายบัตร เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง และอำนวยความสะดวก ลดปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้น ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการขายตั๋วแบบฉีกให้มากขึ้น เพื่อคลายความกังวลให้ผู้ใช้เส้นทางที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกจองผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ก็ยังสามารถทำได้ตามปกติ
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยชำระค่าบริการผู้ใหญ่ 40 บาท และเด็ก 20 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน Que Q เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต้องชำระค่าบริการ 2 ครั้ง โดยชำระผ่าน App QueQ ในราคาผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท และต้องชำระเป็นเงินสดก่อนเข้าพื้นที่อีกครั้งบริเวณด่านตรวจศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หรือเนินหอมในราคาผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท
อ่านข่าวอื่น :
ผู้โดยสาร MRT สายสีเหลืองลดฮวบ 3-4 หมื่นคน-เที่ยวหลังเก็บเงิน
4 วันในไทย "พลายศักดิ์สุรินทร์" มีความสุข-พี่ควาญถักสร้อยใหม่รับขวัญ