วันนี้ (1 มิ.ย.2566) กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่ม 21 คน คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พร้อมเฝ้าระวังป้องกันในช่วงเดือน Pride month เดือนแห่งการเฉลิมฉลองการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งจัดขึ้นตลอดเดือน มิ.ย.นี้ ทั่วประเทศไทย
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ของประเทศไทย พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือน ก.ค.2565 ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรวม 43 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แต่โรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัยฝีดาษลิง หรือผู้ป่วยฝีดาษลิง หรือมีผื่น/ตุ่มสงสัย ดังนี้
มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิง ทางช่องทางดังต่อไปนี้ อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก, ทำความสะอาดห้อง หรือใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิงขณะผู้ป่วยมีอาการ, เคยดูแลผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยฝีดาษลิงขณะป่วย
ทั้งนี้ ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือไอ มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก หรือบริเวณรอบ ๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก หากมีอาการให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที พร้อมแนะนําวิธีป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษวานร เช่น หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด รวมทั้งแนะนําให้ล้างมือบ่อย ๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคขอความร่วมมือเครือข่ายที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เช่น รพ. รพ.สต. คลินิกเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม สถานประกอบการสุขภาพ ประเภทสปา ประชาสัมพันธ์ความรู้และคำแนะนําในการสังเกตอาการโรคฝีดาษลิงสำหรับประชาชน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการป้องกันโรค