วันนี้ (22 พ.ค.2566) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปเจรจากับพรรคต่างๆ เพื่อร่วมรัฐบาล โดยระบุว่า เป็นข้อมูลที่บิดเบือนทั้งสิ้น ถือเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของพรรค ซึ่งพรรคมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับชัดเจนว่าทุกอย่างต้องผ่านมติจากที่ประชุมของพรรค
ส่วนที่มีสมาชิกพรรคฯ แสดงความเห็นเรื่องการยกมือโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี หรือมีความพยามให้ไปร่วมกับพรรคไหน เป็นความเห็นส่วนบุคคล รวมถึงมีข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีใครสามารถดำเนินการได้คนเดียวเช่นกัน
ทั้งนี้ การที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมพรรคต่างๆ เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ก้าวล่วง โดยพรรคประชาธิปัตย์มีตัวเลข ส.ส.อยู่ที่ 24 เสียง ไม่มีสิทธิทักท้วงหรือคัดค้านในเรื่องที่พรรคก้าวไกลและพรรคอื่นร่วมพูดคุยกัน
นายราเมศ ยังกล่าวถึงจุดยืนเรื่องมาตรา 112 ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ยังย้ำจุดยืนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขหรือยกเลิก ขณะที่การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ลาออก จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว ในวันที่ 24 พ.ค.นี้
อ่านข่าวอื่นๆ
เลือกตั้ง2566 : เปิด (ร่าง) MOU ฉบับตั้งรัฐบาลก้าวไกลก่อนลงนาม 16.30 น.
เลือกตั้ง2566: ย้อนศร "รัฐประหาร" 22 พ.ค. ถือฤกษ์ 16.30 น.ลงนาม MOU ตั้งรัฐบาล
เลือกตั้ง2566 : องค์การนักศึกษา ม.ราม ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ขอทุกฝ่ายทำตาม รธน.