วันนี้ (16 พ.ค.2566) สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วทุกภูมิภาค เข้าร้องทุกข์เรื่องการปราบปราบหมูเถื่อนต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมยื่นหนังสือเพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องการปราบปรามหมูเถื่อนเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูได้รับความเดือดร้อนจากกระบวนการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ และพบพิรุธว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมในขบวนการนี้ด้วย
นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาคมผู้เลี้ยงหมูว่ามีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนโดยไม่เสียภาษี และสำแดงเอกสารเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านท่าเรือแหลมฉบังและอื่น ๆ จึงได้รวบรวมหลักฐานและที่ผ่านมาได้ร่วมกับตำรวจเข้าจับกุมห้องเย็น ที่ จ.สมุทรสาคร เป็นล็อตเดียวกันทั้งหมด 11 ตู้ อยู่ระหว่างดำเนินคดีแล้ว 1 ตู้ อีกทั้งยังมีหมูเถื่อนอีก 161 ตู้ ที่พบในท่าเรือแหลมฉบัง
ส่วนภาพรวมทั้งระบบคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งขบวนการนี้ยังพบหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนร่วมมากกว่า 50 คน วันนี้จึงได้ยื่นหลักฐานทั้งหมดให้ดีเอสไอดำเนินการขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อไป
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องไว้และตั้งคณะทำงานตรวจสอบหลักฐานเพื่อสืบสวนสอบสวนในคดีพิเศษ เพราะจากการฟังข้อมูลหลักฐานพบมูลความผิดที่เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
นอกจากนี้ นายสัตวแพทย์ สุทัศน์ ตั้งธโนปจัย กรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า การนำเข้าหมูเถื่อนกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรที่ไม่สามารถจำหน่ายหมูได้ในราคาปกติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อมูลความต้องการในประเทศที่มีเพียงพอแล้ว จึงตั้งข้อสังเกตว่าหมูกล่องที่มีต้นทุนเพียงกิโลกรัมละ 43-50 บาท เข้ามาแย่งตลาด ทำให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มที่จะเข้าโรงเชือดถูกลง โดยปัจจุบันต้นทุนหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่ประมาณ 95-100 บาทต่อกิโลกรัม แต่ขายได้เพียง 70-79 บาทต่อกิโลกรัม