วันนี้ (6 พ.ค.2566) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า ตำรวจกองปราบปราม สืบสวนพบพฤติกรรมการยักยอกเงิน วัดป่าธรรมคีรี จ.นครราชสีมา จึงเข้าตรวจสอบ พบผู้ก่อเหตุคือ นายคมหรืออดีตพระอาจารย์คม ซึ่งมีสถานะเป็น ผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของวัด รวมถึงดูแลเงินที่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันทำบุญกับทางวัด โดยได้ร่วมกันก่อเหตุกับนายวุฒิมา หรือ อดีตพระหมอ อดีตเจ้าอาวาสวัด โดยนำเงินบางส่วนของวัดไปใช้จ่ายส่วนตัว
นอกจากนี้ยังพบว่า นายคมได้สั่งการให้นายวุฒิมา นำเงินสดไปมอบให้กับ น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวของตัวเอง นำฝากเข้าบัญชีธนาคารด้วย ซึ่งนอกจากเงินสด 51 ล้านบาท ที่ตรวจค้นพบในบ้านพักแล้ว ยังพบเงินที่อยู่ในบัญชีเงินฝากอีกประมาณ 130 ล้านบาท รวมทั้งหมด 180 ล้านบาท จึงควบคุมตัวทั้ง 3 คน ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า นอกจากพฤติกรรมการยักยอกเงินของวัดแล้ว ยังพบว่า ทั้งนายคมและนายวุฒิมา มีพฤติกรรมเสพเมถุนในระหว่างที่ถือครองสมณเพศ ซึ่งทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า ได้เสพเมถุนภายในกุฎิจริง
นอกจากนี้ยังพบพระสงฆ์อีก 2 รูป และฆราวาสอีก 1 คน ที่มีข้อมูลว่า มีความสัมพันธ์กับนายคมด้วยเช่นกัน โดยที่พระสงฆ์ 2 รูปนั้น ก็เป็นพระลูกวัดของวัดป่าธรรมคีรีและได้ลาสิกขาไปแล้ว
สำหรับนายคม เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้น เป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวม 2 ข้อหา
ส่วนนายวุฒิมาฯ หรือ พระหมอ เป็นผู้ต้องหาในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบรวม 2 ข้อหาเช่นกัน
ด้าน น.ส.จุฑาทิพย์ น้องสาวนายคม เป็นผู้ต้องหาในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และรับของโจร รวม 3 ข้อหา