วันนี้ (27 เม.ย.2566) รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เตรียมเข้าร่วมตรวจหลักฐานกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูธรภาค 7 ในคดีผู้ต้องหาใช้สารไซยาไนด์วางยาฆาตกรรม น.ส.ศิริพร
อ.วีรชัย เปิดเผยว่า นอกจากพยานหลักฐานจากนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ยังต้องตรวจสอบหาหลักฐานทางเคมีเพิ่มเติมจากวัตถุต่างๆ ภายในที่พักอาศัยทั้ง 4 จุดของผู้ต้องหา ซึ่งทางกองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บรวบรวมตัวอย่างมากถึง 300 ตัวอย่าง ให้ตรวจสอบ
สิ่งที่หลงเหลือที่ต้องตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ด้านเคมี คือ วัตถุพยานแวดล้อมที่อยู่รอบตัวผู้ต้องหา เช่น กระเป๋า รถยนต์ โซฟา บ้านทั้ง 4 จุดที่ไปพักอาศัย ถ้ามีการสัมผัสกับขวดไซยาไนด์จริง ไม่ว่าจะเตรียมหรือผสม สารจะหลุดรอดอยู่ในบริเวณรอบๆ
สำหรับ "สารไซยาไนด์" ที่ใช้ก่อเหตุเป็นชนิดโพแทสเซียมไซยาไนด์ ลักษณะคล้ายเกลือ หากผู้ต้องหาได้สัมผัสหรือมีการผสมสารภายในสถานที่ต่างๆ ก็สามารถตรวจสอบได้ จากเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอื่นๆ รวมด้วย เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัยที่มีความละเอียดในการตรวจสอบสูงเข้าร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี
อ.วีรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ค่อนข้างมีความซับซ้อน เพราะฉะนั้นการหาพยานหลักฐานทางเคมีจะมีประโยชน์อย่างมาก หากพบว่ามีสารไซยาไนด์ของใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหา ก็จะสามารถนำไปประกอบสำนวนคดีเอาผิดผู้ต้องหาได้ในการต่อสู้คดีในชั้นศาล
ส่วนสารไซยาไนด์ไม่สามารถพบในร่างกายของผู้ที่รอดชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายจะสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ แต่สามารถตรวจเจอได้จากผู้เสียชีวิต ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นพบสารไซยาไนด์ในร่างกายของผู้เสียชีวิตเพียง 2 คน ส่วนประเด็นที่พบว่าพี่สาวของผู้ต้องหาเป็นเภสัชกรนั้น สารไซยาไนด์ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทยา จึงไม่สามารถหาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ค้นร้านขายยาพี่สาวแอมหาหลักฐานโยง "วางยาไซยาไนด์"
วิเคราะห์คดีวางยาไซยาไนด์ กับพฤติการณ์ "ฆาตกรต่อเนื่อง"