วันนี้ (27 เม.ย.2566) โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ผ่านทางโทรศัพท์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ผู้นำยูเครน ระบุว่า การพูดคุยกันครั้งนี้นำมาซึ่งสิ่งใหม่ ๆ ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและยูเครน รวมทั้งนับว่าสร้างโอกาสในการใช้อิทธิพลทางการเมืองของจีน เพื่อฟื้นคืนหลักปฏิบัติเกี่ยวกับสันติภาพ และทั้งจีนและยูเครน ต่างก็ให้ความสำคัญกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของแต่ละประเทศไม่ต่างจากประชาคมโลก
นอกจากนี้ เซเลนสกี ระบุว่า ยังได้พูดคุยกับผู้นำจีนในเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การขนส่งสินค้าและยังเห็นชอบที่จะหารือสานสัมพันธ์กันต่อไปในอนาคต
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน เน้นย้ำจุดยืนจีน ที่ให้ความสำคัญกับสันติภาพเป็นอันดับแรก โดยสนับสนุนการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งผ่านการเจรจา รวมทั้งหวังว่าทุกฝ่ายจะทบทวนท่าทีเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน และร่วมกันหาทางสร้างสันติภาพอันยืนยาวในยุโรปได้
จีนย้ำการเจรจาคือทางออกเดียวของความขัดแย้ง
สี จิ้นผิง ระบุระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ว่า การเจรจาเป็นหนทางเดียวในการยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้ และสงครามนิวเคลียร์จะไม่นำชัยชนะมาสู่ฝ่ายใด
นอกจากนี้จีนยังระบุว่าจะส่งผู้แทนพิเศษไปยังยูเครนเพื่อหาทางไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง
ถ้อยแถลงของฝั่งจีนย้ำให้เห็นชัดถึงท่าทีไม่เลือกข้าง เป็นกลางในสงครามครั้งนี้ แม้จีนจะไม่เคยออกปากเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นการรุกรานของรัสเซียก็ตาม
แต่ในขณะเดียวกันจีนก็ไม่เคยปกปิดความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับรัสเซีย เห็นได้ชัดจากการเยือนมอสโกของสี จิ้นผิง เมื่อ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่สองผู้นำจับมือกันสานสัมพันธ์ต่อเนื่องพร้อมยกระดับความร่วมมือด้านต่าง ๆ
โดยในช่วงปีที่ผ่านมา จีนคือคู่ค้ารายสำคัญที่สุดของรัสเซีย โดยมียอดการค้าขายระหว่างกันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 190,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 30% รัสเซียส่งสินค้าไปขายจีนมากเป็นอันดับ 1
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ระหว่างที่เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เดินทางเยือนจีน Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่เดินทางไปด้วย ระบุว่า สี จิ้นผิง กล่าวถึงการพูดคุยกับผู้นำยูเครนว่า จะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขและเวลาเหมาะสม หลังจากก่อนหน้านี้ เซเลนสกีพยายามเชิญชวนผู้นำจีนให้เดินทางเยือนเคียฟ ซึ่งครั้งนี้มีรายงานว่าการหารือทางโทรศัพท์ ยูเครนเป็นฝ่ายริเริ่มเช่นกัน
ขณะเดียวกันผู้นำยูเครนตอบรับท่าทีเป็นมิตรของจีนด้วยการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตคนใหม่ประจำกรุงปักกิ่ง Pavel Ryabikin ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรี หลังจากยูเครนไม่ไดแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำที่จีนตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2021
อีกด้านหนึ่งสิ่งที่จีนใช้โอกาสในการสานสัมพันธ์กับยูเครนครั้งนี้สื่อถึงชาวโลก หนีไม่พ้นการโจมตีสหรัฐฯ โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งที่จีนเปิดเผยถึงถ้อยคำของสี จิ้นผิง คือ จีนจะไม่คอยมองกองไฟที่ลุกโชนจากอีกฝั่งหนึ่ง และจะไม่เติมเชื้อไฟด้วย ไม่ต้องพูดถึงการตักตวงผลประโยชน์จากวิกฤตการณ์ ที่จะไม่เกิดขึ้น
ขณะที่โจเซพ บอเรลล์ ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป แสดงความยินดีกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้นำจีนและยูเครนครั้งนี้ พร้อมระบุว่า ขึ้นกับยูเครนที่จะตัดสินใจในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับสันติภาพ และอียูจะสนับสนุนยูเครนต่อไป
ยูเครนย้ำจุดยืนมาโดยตลอดว่าสิ่งที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่รัสเซีย คือการสูญเสียดินแดน
ด้านโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า ผู้นำจีนต้องใช้อิทธิพลชักนำรัสเซียให้ยุติการรุกรานคืนบูรณภาพแห่งดินแดนให้ยูเครน และเคารพอธิปไตยของยูเครนอันเป็นพื้นฐานแห่งสันติภาพ