ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคสายวีแกน เมื่อบริษัทผู้ผลิตอาหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากผลิตภัณฑ์ชีสยอดนิยมในฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศทั่วโลก ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีสจากพืชเพื่อช่วยรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตนมในวงกว้าง
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กระบวนการการผลิตชีสช่วยลดการปล่อยคาร์บอน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราคาจับต้องได้ และมีรสชาติที่ดีจนแยกไม่ออกจากชีสแบบปกติที่ทำจากนม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ในการร่วมมือกันครั้งนี้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากระบบ AI เพื่อสำรวจวัตถุดิบทุกประเภท และแยกส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น โปรตีน ไขมัน สารแต่งกลิ่น เพื่อค้นหาส่วนผสมที่สามารถใช้เลียนแบบนม และสามารถทำการทดลองผลิตชีสหลายสูตรได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้กระทั่งการค้นหาวิธีการใช้ส่วนผสมจากพืชในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างรสชาติ และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถประหยัดเวลาในการเสาะหาวัตถุดิบและพัฒนาสูตรได้หลายเท่า เมื่อเทียบกับวิธีการเดิมซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี
CEO ของบริษัทผู้ผลิตชีสได้เผยถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จะสร้างความแตกต่างและสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ทั้ง 3 ด้านของบริษัท อันได้แก่ ความยั่งยืน คุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงต้นทุนที่ถูกลงเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยได้วางแผนที่จะเปิดตัวชีสแพลนต์เบสด์ (Plant based) ที่ใช้ระบบ AI ช่วยในกระบวนการผลิตเป็นครั้งแรก ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปภายในสิ้นปี 2024
ทั้งนี้ ความร่วมมือนี้จะเป็นแนวทางในการนำระบบ AI เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ต่อไป และมีบทบาทในการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารวีแกนในแง่ของการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัส ในขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดต้นทุนและลดเวลาในการพัฒนาสูตรอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นไปได้ว่าในอนาคตผู้ที่ชื่นชอบอาหารวีแกนและอาหารเพื่อสุขภาพอาจจะมีตัวเลือกด้านผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น
ที่มาข้อมูล: fastcompany, greenqueen, vegnews, prnewswire
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech