ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"เศรษฐา" มอง "บัตรลุงตู่พลัส" เปรียบหยอดน้ำข้าวต้ม เพิ่มปลาแห้ง

การเมือง
14 เม.ย. 66
14:52
389
Logo Thai PBS
"เศรษฐา" มอง "บัตรลุงตู่พลัส" เปรียบหยอดน้ำข้าวต้ม เพิ่มปลาแห้ง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เศรษฐา" มอง "บัตรลุงตู่พลัส" เป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม เพิ่มปลาแห้ง หลังบลัฟกลับได้มากกว่า 10,000 บาท ขอประชาชนตัดสินนโยบายใครดีกว่ากัน

วันนี้ (14 เม.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เปิดเผยสีบัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต สีม่วง และแบบบัญชีรายชื่อ สีเขียว ว่า ต้องหาวิธีสื่อสารให้ชัดเจน เพราะเฉดสีมีความคล้ายคลึงกัน แต่เชื่อว่าภายใต้กฎกติกา และมาตรฐานเดียวกัน จะสามารถสื่อสารกับประชาชนให้สามารถแยกแยะสีบัตรได้

แต่ไม่ทราบว่าจะทำให้เกิดบัตรเสียมากขึ้นหรือไม่ เพราะเพิ่งมีการประกาศสีออกมา จึงต้องให้โอกาส กกต.ได้ชี้แจงประชาสัมพันธ์ แต่ในส่วนของพรรคจะสื่อสารกับประชาชนแบบคู่ขนานไปด้วย

ผู้สื่อข่าวยังถามวว่า หากเกิดบัตรเสียมากขึ้นจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยมากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากอาจมีความสับสนในสีของบัตรนายเศรษฐา ยอมรับว่า สามารถเป็นไปได้

ดังนั้น พรรคจะทำงานให้หนักขึ้น พร้อมย้ำว่า ทุกพรรคก็อยู่ภายใต้กฎกติกาเดียวกัน แต่พรรคยังมั่นใจในนโยบาย และผู้สมัครของพรรค จะทำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยได้มากขึ้น และสามารถแยกแยะบัตรเลือกตั้งที่มีความคล้ายคลึงกันได้

ส่วนกรณีที่ กกต.เปิดรายชื่อพรรคการเมืองที่ชี้แจงรายละเอียดการใช้งบประมาณในแต่ละนโยบาย ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็น 1 ใน 9 พรรคและยังชี้แจงไม่ครบนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบข้อมูล แต่มั่นใจฝ่ายกฎหมาย และทีมเศรษฐกิจของพรรคเพราะนโยบายของพรรคค่อนข้างโดนใจ และอาจมีนโยบายอื่นออกมาอีก อาจจะต้องชี้แจงเชิงลึกให้มากขึ้น และมั่นใจในการชี้แจง

ขณะที่นโยบายบัตรสวัสดิการพลัสที่ให้เดือนละ 1,000 บาท ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากเทียบ 1 ปี จะได้ 12,000 บาท ซึ่งมากกว่า นโยบายกระเป๋าดิจิทัลนั้น นายเศรษฐา ย้ำว่า ปกติส่วนตัวจะไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพรรคอื่น แต่ขอชี้แจงในส่วนของนโยบายเพื่อไทยว่า 10,000 บาทนั้น ใช้เฉพาะพื้นที่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนครั้งใหญ่ครั้งเดียว ไม่ให้กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่

ส่วนนโยบายพรรคอื่นที่ให้มากกว่า ก็เป็นความเชื่อของพรรคนั้น ๆ และยังเห็นว่าเป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม แต่ครั้งนี้ เปรียบเหมือนการเพิ่มปลาแห้ง เชื่อว่าไม่มีอะไร

ขอให้ประชาชนตัดสินใจว่านโยบายของใครดีกว่ากัน และขอให้ประชาชนตั้งข้อสังเกตกันเองว่าเหตุใดนโยบาย 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านโยบายบัตรสวัสดิการพลัส

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงการแข่งขันนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองในขณะนี้ ว่า จะต้องดูที่นโยบายด้วย ไม่ใช่แค่เม็ดเงินที่จะเป็นตัวชี้นำว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์เสมอไป

รายละเอียดเชิงลึกของนโยบายก็สามารถทำให้ประชาชนตัดสินใจได้เช่นกัน ไม่ใช่ให้ทีละเล็กทีละน้อยเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม เติมปลาแห้งนิดเดียว จะหมายความว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่าเสมอไป 

จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าพรรคการเมืองคู่แข่งที่ปรับตัวเลขนโยบายให้สอดรับกัน ย้ำขอเดินหน้ามั่นใจนโยบายเพื่อไทย

นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงความมั่นใจในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่แม้จะชนะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่อดีตเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ครองพื้นที่มายาวนาน ว่า หลังได้เดินตลาดในช่วงเช้าได้พูดคุยกับผู้สมัคร ส.ส.แล้วยังเชื่อมั่นนโยบาย ทั้งการยกระดับการท่องเที่ยว ยกระดับพาสปอร์ตไทย

อีกทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ที่คาดว่าจะดียิ่งขึ้น ซึ่งนายกฯคนต่อไปไม่ว่าเป็นใคร พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าเจรจาการค้าทั่วโลก เพราะตลาดใหม่เป็นเรื่องสำคัญ

ทั้งนี้ ไม่ขอคาดเดาจำนวนตัวเลข ส.ส.ของพรรคที่ตั้งเป้า 376 ว่าจะได้กี่เปอร์เซ็น แต่ขอเดินหน้างานเผยแพร่นโยบายของพรรค หากสื่อสารนโยบายครบถ้วนถูกต้องก็มั่นใจ หลังจากนี้มีเวลาไม่เยอะ ขอลุยหาเสียงเต็มที่ไม่มีการย่อท้อ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง