วันนี้ (11 เม.ย.2566) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ของ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่งัดเอาข้อมูลว่า บัญชีม้าในคดีฟอกเงินยาเสพติดนั้นมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกถึง 86 บัญชี ทำไมมีแค่ตนคนเดียวที่ถูกกล่าวโทษ หากรังสิมันต์ โรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่หวังผลทางการเมือง ก็ขอให้ไปตรวจสอบ 86 บุคคล/บริษัทเหล่านั้นด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประเด็นนี้ตนทราบว่าทาง ส.ว.อุปกิต ไปยื่นข้อมูลให้กับทางอัยการ ซึ่งหากต้องการช่วยชี้เบาะแสว่ามีใครกระทำผิดฟอกเงินค้ายาอีกหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะกระทำได้ แต่หากทำไปเพียงเพื่อจะซัดผมว่าปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ก็ต้องบอกว่า การที่ผมมาพูดอภิปรายเรื่องฟอกเงินค้ายาเสพติดได้นั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานสนับสนุนหลาย ๆ อย่างประกอบกัน
อย่างความเชื่อมโยงทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าลำพังมีแค่หลักฐานนี้อย่างเดียวเช่นที่ท่านอ้างถึง 86 บุคคล/บริษัทนั้น ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะอภิปรายได้ ท่านก็เคยพูดเองมิใช่หรือว่าคนที่ค้ายาเขาไปซื้อขายอะไรใด ๆ ไม่ได้หมายความว่าร้านค้าเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ฟอกเงินทั้งหมดเสมอไป แต่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป
ในกรณีของ ส.ว.อุปกิต หากว่าหลักฐานมีแค่เรื่องเส้นทางการเงินระหว่างผู้ค้ายากับเครือบริษัท Allure เพียงแค่นี้เท่านั้น ตนเองคงไม่เอามาอภิปรายตั้งแต่แรก แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาอภิปรายก็เพราะมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อความแชท หรือคำให้การของทุนมินลัตและคนอื่น ๆ ที่โดนจับไปก่อนหน้านี้ ที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าหนักแน่นเพียงพอที่จะต้องพูดออกมาให้สังคมได้ตระหนักและช่วยการติดตามกระบวนการคดีไม่ให้เตลิดออกนอกลู่นอกทางได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องข้อความแชท วันนี้ ส.ว.อุปกิตก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าแปลผิดแปลมั่ว ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าข้อความที่คุยกันมันเป็นศัพท์ขั้นพื้นฐานมาก ๆ ไม่ได้เกินความเข้าใจของคนเคยเรียนภาษาอังกฤษมา ยังอ้างว่าคุยกันเรื่องโรงปูนบ้าง เรื่องทองบ้าง ผมก็เคยบอกไปแล้วว่านั่นแค่ส่วนนอกเรื่องน้อยนิดที่ปะปนมา แชทส่วนใหญ่คุยเรื่องการคุมงาน Allure ทั้งนั้น พอมารอบนี้มีอ้างเพิ่มเติมด้วยว่าตำรวจไปตัดต่อแชทเก่า ๆ ของตนเพื่อมาใส่ร้าย ผมว่าก็รอติดตามในคดีต่อไปแล้วกันว่ามันจะใช่อย่างที่ท่านอ้างไหม
ส่วนที่กล่าวหาว่าเอาเรื่องหลายเดือนก่อนมาพูดตอนนี้เพราะเป็นขบวนการหวังผลการเมือง พยายามโยงมาถึงพรรคที่ตนสังกัด ต้องย้ำอีกครั้งว่าตนเองตั้งใจเอาเรื่องนี้มาพูดในวาระอภิปรายทั่วไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตนเองไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปกำหนดได้ว่าจะอภิปรายกันเมื่อไหร่ ทีแรกยังเคยนึกว่าจะมีในช่วงเดือน ธ.ค. 2565 ด้วยซ้ำ
อีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุ 2-3 แล้วจะให้รีบพูดเลยได้ และเชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณพอที่จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้นเป็นแค่การป้ายสีเลื่อนลอย หรือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันแน่
อีกทั้งยังเห็นข่าวอีกว่า ส.ว.อุปกิต ก็ยังยืนยันว่าที่ดินและตึกของตนที่ตอนนี้เป็นที่ตั้งพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นตนไม่รู้เรื่องว่าจะเอาไปทำพรรคการเมือง ตนไม่ได้สนับสนุนอะไรต่อพรรคนี้ ผมว่าไหน ๆ แล้วท่านก็เอาสัญญาเช่ามากางให้ดูเสียเลยจะเป็นไร ส่วนหนึ่งที่ท่านพลอยติดร่างแหเรื่องนี้ไปด้วยก็เพราะฝั่งพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความชัดเจนเรื่องนี้เองด้วย
แต่ถ้า ส.ว.อุปกิตไม่ได้มีนอกมีในอะไรอยู่แล้วก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ นอกจากนี้ในเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าผู้เช่าเอาไปทำพรรคการเมือง ส.ว.อุปกิตก็ควรพิจารณาไม่ต่อสัญญาเช่าเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาสืบต่อไปอีกด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถึงที่สุดแล้วในเรื่องนี้ ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่จริง ๆ มากไปกว่าตัวผมที่เป็นกระบอกเสียงให้ในช่วงที่ผ่านมา ก็คือหน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรม ที่ตนเองเคยได้กล่าวถึงและร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ ทั้งตำรวจ, อัยการ, ป.ป.ช., ปปง., ป.ป.ส. และ ก.ต. ที่จะต้องเดินหน้าการสอบสวนไต่สวนและพิจารณาทั้งคดีและความไม่ชอบมาพากล
ถึงตอนนี้ยังมีหลายประเด็นที่ค้างคา ส.ว.อุปกิตยังไม่ถูกแจ้งข้อหายาเสพติดทั้งที่พยานหลักฐานชุดเดียวกับทุนมินลัตและพวก การยึดอายัดทรัพย์สินไม่ให้ถูกยักย้ายหนีได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ เรื่องผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องกับการถอนหมายจับคืบหน้าหรือไม่ และเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จเป็นอย่างไรบ้าง
หวังว่าหน่วยงานและเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เสียแรงที่ข้าราชการชั้นผู้น้อยเขาทำงานกันอย่างแข็งขันและซื่อตรง
ส่วนที่ ส.ว.อุปกิตบอกว่าจะมี "ของขวัญ" เตรียมไว้ให้ หากเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายก็ทำได้ ยืนยันว่าตนเองปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและพร้อมต่อสู้คดีถึงที่สุด แค่อย่าเล่นนอกกติกาก็แล้วกัน