จากกรณีที่มีผู้โพสต์ผ่านโซเชียล แสดงความกังวลต่อการขุดปรับพื้นที่ในบริเวณหน้าน้ำตก ปปป. ว่าสร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
วันนี้ (2 มี.ค.2566) นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2565 คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมหารือร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลสุเทพ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านดอยสุเทพ และผู้เกี่ยวข้อง ได้แจ้งถึงปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรในหมู่บ้านกรณีปัญหาภัยแล้ง แหล่งกักเก็บน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคไม่เพียงพอ จึงได้เสนอโครงการปรับปรุงซ่อมแซมฝายน้ำล้น บริเวณใกล้น้ำตก ปปป. ซึ่งเคยเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับใช้อุปโภคบริโภคที่สำคัญของราษฎรในหมู่บ้านพื้นที่ใกล้เคียง และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีน้ำตกไหลมีแหล่งน้ำใสสะอาด
ภาพ : กรมอุทยานฯ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีดินโคลนน้ำป่าไหลหลากทำให้มีตะกอนทับถมเต็มในบริเวณพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนเกิดน้ำป่าไหลหลาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อชุมชนและนักท่องเที่ยว ต่อมาจังหวัดเชียงใหม่ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 9 พ.ย.2565 แจ้งมายัง สบอ.16 (เชียงใหม่) เพื่อให้พิจารณาสนับสนุนการปรับปรุง ซ่อมแซม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และ สบอ.16 (เชียงใหม่) ได้มีหนังสือ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2565 แจ้งให้อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ดำเนินการ
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย พิจารณาแล้ว เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเดิมเคยเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สำคัญของราษฎรในหมู่บ้าน และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ที่ผ่านมาในช่วงฤดูฝนเกิดปัญหาน้ำป่าไหลหลาก พัดพาดินโคลนและตะกอนลงบนถนน ก่อให้เกิดอันตรายเกิดอุบัติเหตุต่อผู้สัญจรไปมาและต่อนักท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นการดำเนินการในบริเวณพื้นที่เดิม เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศไม่มาก
ภาพ : กรมอุทยานฯ
ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ป้องกันอันตราย ป้องกันภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลาก สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ในการช่วยดูแลรักษาป่า ป้องกันไฟป่า ทางอุทยานฯ จึงจัดทำโครงการร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามระเบียบหลักเกณฑ์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกำหนด ซึ่งจะเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีระหว่างภาคประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งในการดูแลรักษาป่า และเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนทางอุทยานฯ และภาคประชาชน จะได้ร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่ดังกล่าวโดยการปลูกพืชที่สามารถกักเก็บน้ำได้ เพื่อรักษาความชุ่มชื่นในบริเวณดังกล่าวต่อไป
ภาพ : กรมอุทยานฯ