เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในอังกฤษ โดยเฉพาะผักและผลไม้ แทบไม่มีสินค้าเหลืออยู่ ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าหลายแห่งต้องใช้วิธีจำกัดปริมาณการซื้อ เนื่องจากสินค้ามีจำนวนจำกัด
สินค้าที่ขาดแคลนหนัก ได้แก่ มะเขือเทศ แตงกวา พริกหวาน เป็นต้น ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย
ข้อแรกคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ผลผลิตในแถบแอฟริกาเหนือและตอนใต้ของยุโรปลดลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับผลกระทบจากสงครามยูเครน ที่ทำให้ปุ๋ยราคาแพง เกษตรกรหลายรายตัดสินใจไม่ปลูกผัก เพราะราคาขายไม่คุ้มกับต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การส่งออกผัก-ผลไม้ไปขายในอังกฤษลดลง แม้แต่ผลผลิตในอังกฤษก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งหลายคนบอกว่า
ไม่น่าเชื่อว่าอังกฤษในยุคปัจจุบันจะเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหาร
ไม่เพียงแต่ขาดแคลนอาหารเท่านั้น แต่อาหารยังมีราคาแพงขึ้นอีกด้วย โดยผลการสำรวจของบริษัทด้านการตลาดแห่งหนึ่งในอังกฤษพบว่า ในช่วง 4 สัปดาห์ ซึ่งนับถึงวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ราคาของกินของใช้ในอังกฤษเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับเดือนและช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่บริษัทนี้เคยทำการสำรวจ
ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาด้านการเงินที่ชาวอังกฤษหนักใจมากเป็นอันดับ 2 รองจากค่าไฟฟ้าและพลังงาน
หากประชาชนไม่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้จ่าย เงินที่จะต้องควักออกจากกระเป๋าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 33,000 บาท/ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุกภาคส่วน รวมถึงร้านอาหารหลายแห่งที่ต้องปรับเปลี่ยนเมนู ในช่วงที่มะเขือเทศขาดแคลนและมีราคาแพง โดยเปลี่ยนเมนูหลักไปใช้วัตถุดิบชนิดอื่นแทนเพื่อให้การทำธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้
อ่านข่าวต่างประเทศเพิ่มเติม :